ผู้เขียน หัวข้อ: 4 เอกลักษณ์ของสุขภัณฑ์ญี่ปุ่น ที่จะทำให้ตกหลุมรัก  (อ่าน 39 ครั้ง)

airrii

  • Newbie
  • *
  • กระทู้: 49
    • ดูรายละเอียด
ประเทศญี่ปุ่นมีชื่อเสียงเป็นอย่างมากในเรื่องของสุขภัณฑ์ที่ล้ำสมัยและสะอาด ไปดูกันว่าเอกลักษณ์ของสุขภัณฑ์ญี่ปุ่นมีอะไรบ้าง

เมื่อพูดถึง “สุขภัณฑ์” หรือ “ห้องน้ำไฮเทค” ที่สุดล้ำสมัย เต็มไปด้วยนวัตกรรม แน่นอนว่าประเทศญี่ปุ่นย่อมขึ้นมาเป็นชื่อแรกๆ ที่ทุกคนนึกถึง เนื่องจากมีชื่อเสียงและมีความโดดเด่นเป็นอย่างมากในเรื่องของเทคโนโลยีในสุขภัณฑ์อัตโนมัติ
 
1. ทุกความก้าวหน้า มาจากความพยายามไม่สิ้นสุด
โถสุขภัณฑ์เซรามิกชิ้นแรกของประเทศญี่ปุ่น ถือกำเนิดขึ้นในปีค.ศ. 1914 (พ.ศ. 2457) หรือมากกว่า 100 ปีมาแล้ว โดยมิสเตอร์ คาซูชิกะ โอคุระ (Mr. Kazuchika Okura) มีโอกาสได้เดินทางไปยุโรปและรู้สึกประทับใจในเครื่องสุขภัณฑ์เซรามิกเป็นอย่างมาก ประกอบกับในขณะนั้นระบบสุขาภิบาลของประเทศญี่ปุ่นยังไม่ค่อยดีนัก จึงมีความตั้งใจที่จะพัฒนา ด้วยความเชื่อมั่นว่าประเทศญี่ปุ่นเองก็ควรจะมีเครื่องสุขภัณฑ์ที่สะอาดและมีคุณภาพเช่นกัน

ในเวลาต่อมา มิสเตอร์ คาซูชิกะ โอคุระ จึงลงทุนสร้างโรงงานและทำการค้นคว้าวิจัย  พัฒนา ลองผิดลองถูกอยู่กว่า 20,000 ครั้ง ตลอดระยะเวลา 2 ปี จนได้มาซึ่งโถสุขภัณฑ์เซรามิกชิ้นแรกของประเทศญี่ปุ่น จากความสำเร็จดังกล่าว ส่งผลให้ มิสเตอร์ คาซูกะ โอคุระ ก่อตั้งบริษัท โตโยโตคิ ขึ้นในปีค.ศ. 1917 (พ.ศ. 2460) เพื่อเข้าสู่ตลาดเครื่องสุขภัณฑ์อย่างเต็มรูปแบบ ซึ่งต่อมาภายหลังได้เปลี่ยนชื่อเป็น บริษัท โตโต้ (TOTO) มาจนถึงปัจจุบัน



2. ความพิถีพิถัน ใส่ใจทุกรายละเอียด
ประเทศญี่ปุ่น ขึ้นชื่อเรื่อง “ความพิถีพิถัน” ใส่ใจในทุกรายละเอียด ซึ่งสิ่งเหล่านั้นล้วนสะท้อนออกมาผ่านวัฒนธรรม และวิถีการใช้ชีวิต ยกตัวอย่างเช่น วัฒนธรรมด้านอาหาร ซึ่ง “วาโชกุ” (Washoku) หรือวัฒนธรรมการรับประทานอาหารแบบดั้งเดิมของญี่ปุ่นนั้น ได้รับการขึ้นทะเบียนจากองค์การยูเนสโก ให้เป็นมรดกโลกทางด้านวัฒนธรรม[1] หรือ ศิลปะการชงชา (Chadō), การจัดดอกไม้ (Ikebana), การจัดสวนเซน (Karesansui) ที่มีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วโลก ทั้งหมดนี้ล้วนเป็นวัฒนธรรมที่เต็มไปด้วยความพิถีพิถัน มีรายละเอียดในทุกขั้นตอน

สุขภัณฑ์ญี่ปุ่นเองก็เช่นเดียวกัน ทุกกระบวนการคิดค้นเทคโนโลยี เต็มไปด้วยความใส่ใจที่จะช่วยพัฒนาคุณภาพชีวิตของผู้คนให้ดียิ่งขึ้น แม้แต่ในรายละเอียดเล็กๆ ที่หลายคนอาจมองข้าม เช่น สุขภัณฑ์ TOTO ที่มีการออกแบบขอบโถไร้ขอบ RIMLESS เพื่อให้ทำความสะอาดง่าย ลดมุมอับที่จะทำให้สิ่งสกปรกสะสม และอุปกรณ์ทำความสะอาดมักเข้าไม่ถึง ซึ่งช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถลดระยะเวลาในการทำความสะอาดห้องน้ำลงได้


3. เทคโนโลยีล้ำสมัย ถูกใจผู้ใช้งานทั้งโลก
หลายคนที่เคยไปท่องเที่ยวยังประเทศญี่ปุ่น หรือ เข้าห้องน้ำภายในห้างสรรพสินค้าบางแห่งในประเทศไทย อาจเคยมีโอกาสได้ใช้งานก้านฉีดชำระที่มากับฝารองนั่งอัตโนมัติ WASHLET แล้วรู้สึกตื่นตาตื่นใจ ชื่นชอบในนวัตกรรม และมีความสุขกับการเลือกฟังก์ชันการใช้งานที่หลากหลายรูปแบบจากรีโมทคอนโทรล จนรู้สึกไม่อยากออกจากห้องน้ำ ซึ่งบางคนอาจเพิ่งเคยรู้จัก WASHLET ได้ไม่นาน แต่ความจริงแล้วฝารองนั่งล้ำๆ ดังกล่าวมีประวัติความเป็นมานานกว่านั้น

ก่อนหน้านี้ ในประเทศญี่ปุ่นไม่ได้มีวัฒนธรรมในการทำความสะอาดด้วยน้ำ เช่นเดียวกับอีกหลายประเทศทั่วโลกที่นิยมใช้กระดาษทิชชูมากกว่า จนกระทั่งฝารองนั่งอัตโนมัติ WASHLET ที่มาพร้อมก้านฉีดชำระ ได้วางจำหน่ายเป็นครั้งแรกเมื่อปีค.ศ. 1980 (พ.ศ. 2523) หรือเมื่อ 42 ปีที่แล้ว โดยบริษัท TOTO และได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก เพราะผู้ใช้รู้สึกว่าสะอาด ถูกสุขอนามัย อีกทั้งยังสะดวกสบายกว่าการเช็ดด้วยกระดาษชำระ นอกจากนี้ด้วยความที่ญี่ปุ่นเป็นประเทศที่มีอากาศหนาว การใช้ฝารองนั่งอุ่นที่ปรับอุณหภูมิได้ จึงตอบโจทย์กับการใช้งานเป็นอย่างมาก ช่วยให้ไม่ต้องสะดุ้งทุกครั้งที่เข้าห้องน้ำ ทำให้ฝารองนั่งไฟฟ้านี้แพร่หลายทั่วประเทศมาจนถึงปัจจุบัน


4. เคารพธรรมชาติ และดูแลรักษาสิ่งแวดล้อม
ประเทศญี่ปุ่นนั้น ขึ้นชื่อว่าเป็นประเทศที่ให้ความสำคัญกับทรัพยากรธรรมชาติเป็นอย่างมาก ถึงขนาดที่ก่อให้เกิดคำว่า “Mottainai” (มต-ไต-ไน่) ซึ่งในภาษาญี่ปุ่น โดยทั่วไปแล้วหมายถึงการที่ไม่สามารถใช้ประโยชน์จากสิ่งใดสิ่งหนึ่งได้อย่างคุ้มค่าถึงที่สุด จนนำไปสู่การสูญเสียอย่างน่าเสียดาย (กล่าวคือน่าจะใช้ประโยชน์ได้คุ้มค่ามากกว่านั้น) นอกจากนี้ยังมีความหมายในแง่อื่นๆ อีกทั้งยังเป็นคำที่มักใช้เพื่อกล่าวถึงการแก้ไขปัญหาด้านสิ่งแวดล้อม เพราะการรักษาทรัพยากรธรรมชาติ ไม่ได้มีเพียงแค่คอนเซปต์ของ 3Rs อันหมายถึง Reduce (การลด), Reuse (การใช้ซ้ำ), Recycle (การรีไซเคิล) เท่านั้น แต่ยังหมายถึงอีก R หนึ่งนั่นก็คือ “Respect” ความเคารพต่อทรัพยากรของโลกที่ไม่สามารถทดแทนได้นั่นเอง

สุขภัณฑ์ห้องน้ำญี่ปุ่น อย่าง TOTO จึงให้ความสำคัญกับการลดผลกระทบที่จะเกิดกับธรรมชาติให้น้อยที่สุด ไม่ว่าจะเป็นการมุ่งเน้นที่จะพัฒนาโถสุขภัณฑ์ประหยัดน้ำ อย่างในปี ค.ศ.1976 (พ.ศ. 2519) TOTO ได้เปิดตัวสุขภัณฑ์ที่ใช้น้ำเพียง 13 ลิตร ต่อการกดน้ำชำระล้างหนึ่งครั้ง ซึ่งเป็นปริมาณที่น้อยกว่าสุขภัณฑ์ในยุคก่อนหน้านั้นมากถึง 35% และในปัจจุบันโถสุขภัณฑ์ของ TOTO พัฒนามาจนใช้ปริมาณน้ำน้อยที่สุดเพียง 3.8 ลิตร สำหรับการกดชำระล้างแบบหนัก และใช้น้ำเพียง 3 ลิตร สำหรับการชำระล้างแบบเบา เมื่อเทียบกับโถสุขภัณฑ์ หรือ ชักโครกทั่วไปในยุคปัจจุบัน (ใช้น้ำ 6 ลิตร) ก็สามารถช่วยประหยัดน้ำได้มากกว่า 36% ด้วยกัน

 

ลงประกาศฟรี โฆษณาฟรี ลงประกาศขายบ้านฟรี ลงประกาศขายบ้าน ขายที่ดิน ขายคอนโด ขายรถ สินค้าอุตสาหกรรม อาหารเสริม เครื่องสำอางค์ แนะนำสถานที่ท่องเที่ยว โปรโมทสินค้าฟรี เว็บประกาศฟรี ติดอันดับ Google