แสดงกระทู้

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.


Messages - siritidaphon

หน้า: [1] 2 3 ... 40
1
บริหารจัดการอาคาร: ดูแลรักษาเครื่องทำน้ำอุ่น ให้ประหยัดและปลอดภัย !

เครื่องทำน้ำอุ่น ถือว่าเป็นเครื่องใช้ไฟฟ้าที่ให้ความสะดวกสบายกับผู้อยู่อาศัย และจำเป็นสำหรับหลายครอบครัว เพราะนอกจากจะให้ความสบาย ผ่อนคลายแล้ว ยังช่วยในเรื่องของสุขภาพของคนในบ้านด้วย หากเราพูดถึงเครื่องทำน้ำอุ่น ซึ่งเป็นเครื่องใช้ไฟฟ้าอีกหนึ่งชิ้นที่สำคัญที่จะต้องมีแทบทุกบ้าน เพราะน้ำเย็น ๆ ที่ส่งผ่านฝักบัวมาในยามเช้าหรือกลางดึก อาจจะทำให้การอาบน้ำของทุกวันเป็นเรื่องยากลำบาก ขึ้นอยู่กับสภาพอากาศในแต่ละวัน และความต้องการของแต่ละคน บางคนก็ชอบอาบน้ำเย็นเพื่อให้รู้สึกสดชื่น แต่ในขณะที่หลายคนก็ชอบอาบน้ำอุ่นเพื่อผ่อนคลายร่างกายจากความเหนื่อยล้าจากการทำงาน

ดังนั้น ตัวช่วยที่ดีก็คงหนีไม่พ้นเครื่องทำน้ำอุ่น ยิ่งในช่วงหน้าหนาว หากขาดเครื่องทำน้ำอุ่นไป ก็คงไม่ค่อยสะดวกเท่าไหร่ ในปัจจุบันเครื่องทำน้ำอุ่นสามารถหาซื้อได้ตามห้างสรรพสินค้าและท้องตลาดทั่วไป มีราคาที่ไม่แพงและสามารถติดตั้งได้ด้วยตนเอง แต่ในขั้นตอนการติดตั้งนั้น ก็ต้องอยู่ในพื้นฐานของความปลอดภัย เราต้องหมั่นตรวจสอบดูด้วยว่า เครื่องทำน้ำอุ่นของเรามีการติดตั้งสายดินแล้วหรือยัง หากมีการติดแล้วให้ตรวจดูว่าสายดินหลุดหรือไม่ และ ที่สำคัญคือจะต้องหมั่นตรวจเช็คว่ามีไฟรั่วหรือไม่ ซึ่งวันนี้เราจะมาพูดถึงเรื่องของการดูแลรักษาเครื่องทำน้ำอุ่นให้สามารถใช้งานได้อย่างปลอดภัยและประหยัดมากที่สุด เพื่อเป็นแนวทางให้กับคนที่ต้องใช้เครื่องทำน้ำอุ่นทุกวัน เพื่อความปลอดภัยของคนในครอบครัว

สิ่งที่เราจะต้องคำนึงเป็นอย่างแรกในการใช้เครื่องทำน้ำอุ่น หรือแม้กระทั่งการบำรุงรักษาก็ต้องอยู่ภายใต้ความปลอดภัย การล้างเครื่องทำน้ำอุ่น จำเป็นต่อการบำรุงรักษาเครื่องทำน้ำอุ่นให้มีอายุการใช้งานที่ยาวนาน เพราะจะลดการอุดตันภายในส่วนต่างๆของเครื่องทำน้ำอุ่น จากการที่มีคราบเศษตะกอนของหินปูนที่เข้าไปสะสม ทำให้น้ำไหลผ่านไม่สะดวก รวมถึง ปิดสวิตซ์เครื่องทำน้ำอุ่นทุกครั้งหลังใช้งาน เพื่อป้องกันไฟฟ้าลัดวงจรภายในตัวเครื่องด้วย สำหรับวิธีบำรุงรักษาเราหมั่นเช็ดทำความสะอาดบริเวณฝักบัว เพราะอาจมีตะกอนไปอุดตันทางออกของน้ำ


โดยใช้เข็มแทงเข้าไปที่รูของฝักบัวเพื่อขจัดสิ่งอุดตัน หรืออีกวิธีคือ แช่หัวฝักบัวในน้ำส้มสายชูข้ามคืนเพื่อสลายตะกรันให้หลุดไป และควรหมั่นตรวจเช็คสวิตช์ป้องกันกันไฟรั่วไฟดูดอย่างน้อยเดือนละ 1 ครั้ง และก่อนที่เราจะทำความสะอาดเครื่อง จะต้องปิดสวิตซ์และเบรกเกอร์ควบคุมไฟฟ้าทุกครั้ง เพื่อความปลอดภัย เพราะอาจจะเสี่ยงทำให้เกิดไฟดูดได้ หากมีสายไฟชำรุดโดยที่เราไม่รู้ตัว สำหรับการทำความสะอาดภายนอกเครื่องทำน้ำอุ่น ควรใช้ผ้านุ่มชุบน้ำบิดให้แห้ง แล้วจึงเช็ดทำความสะอาด บางรุ่นจะมีตัวกรองทางน้ำเข้า เราต้องถอดตัวกรองมาล้างทำความสะอาดด้วย ไม่ควรนำผ้าเปียกชุ่มน้ำไปเช็ดทำความสะอาดเครื่องทำน้ำอุ่น หรือฉีดพ่นน้ำที่ตัวเครื่องโดยเด็ดขาด เพราะอาจทำให้เกิดไฟช็อตและอาจจะเป็นอันตรายถึงขั้นเสียชีวิตได้ เห็นไหมว่า การทำความสะอาดเครื่องทำน้ำอุ่นนั้น ไม่ยากเลย แต่สิ่งที่สำคัญที่จะช่วยยืดอายุการใช้งาน คือเราจะต้องใช้งานเครื่องทำน้ำอุ่นอย่างถูกวิธี เพียงแค่เปลี่ยนพฤติกรรมนิดเดียว เครื่องทำน้ำอุ่นก็จะสามารถใช้งานไปอีกนาน

 เพราะว่าเครื่องทำน้ำอุ่นเป็นอุปกรณ์ที่ ทนทานมากๆ แต่อย่างไรก็ตาม เครื่องใช้ไฟฟ้าที่อยู่ในห้องน้ำซึ่งเสี่ยงจะเกิดอันตรายต่อชีวิตได้ง่าย ดังนั้น เวลาเลือกซื้อจึงต้องคำนึงถึงระบบความปลอดภัยของตัวเครื่องเป็นหลัก ตามมาตรฐานความปลอดภัยควรมีเครื่องป้องกันไฟฟ้ารั่วพร้อมคู่มือการใช้งาน ตัวเครื่องอยู่ในสภาพที่สมบูรณ์ มีใบรับรองคุณภาพ พร้อมเครื่องหมาย มอก. หากจะให้ดีควรมีฉลากกำกับแสดงรายละเอียดสินค้า ผู้ผลิต ผู้จำหน่ายที่เห็นข้อความชัดเจนและครบถ้วนด้วย

หรือถ้าหากอยากติดตั้งแต่ไม่ชัวร์ว่าจะปลอดภัยหรือไม่ สามารถติดต่อทางเราได้ เพราะเรามีบริการติดตั้งเครื่องทำน้ำอุ่น รวมไปถึงบริการการจัดการน้ำต่างๆทั้งตามบ้านเรือนและอาคารสถานที่ เราเป็นผู้เชี่ยวชาญในด้านการออกแบบและติดตั้งระบบปั๊ม ระบบสุขาภิบาล มีทีมช่างเฉพาะทางที่พร้อมจะเข้าไปดูแล บำรุงรักษา ในส่วนของการจัดการระบบน้ำประปาและระบบสุขาภิบาลได้อย่างมีคุณภาพ เพราะคำนึงในเรื่องของความปลอดภัยของลูกค้า เพื่อให้มีความสะดวกสบายในการใช้ชีวิตประจำวันและมีคุณภาพชีวิตและอยู่ในสิ่งแวดล้อมที่ดี

2
โรคพาร์กินสัน,โรคสั่น,สั่น,สันนิบาต,สั่นสันนิบาต


โรคพาร์กินสัน (คนไทยเรียกว่า โรคสั่นสันนิบาต หรือ โรคสันนิบาตลูกนก) เป็นโรคที่มีความผิดปกติของเซลล์สมองชนิดหนึ่ง ทำให้มีอาการผิดปกติเกี่ยวกับการเคลื่อนไหว ที่เด่นชัด ได้แก่ อาการสั่น ร่วมกับอาการกล้ามเนื้อเกร็ง เคลื่อนไหวช้า และเสียการทรงตัว* ซึ่งอาการผิดปกติจะค่อย ๆ ทวีความรุนแรงขึ้นอย่างช้า ๆ

ปัจจุบันพบผู้ป่วยโรคนี้มากขึ้นกว่าสมัยก่อน** ส่วนใหญ่พบในผู้ที่มีอายุมากกว่า 50 ปี และจะพบมากขึ้นเรื่อย ๆ ตามอายุ คาดว่าอย่างน้อยร้อยละ 1 ของประชากรที่มีอายุมากกว่า 60 ปีป่วยเป็นโรคนี้ พบในผู้ชายมากกว่าผู้หญิงเล็กน้อย

โรคนี้พบได้น้อยในกลุ่มคนที่มีอายุน้อย พบว่าผู้ป่วยพาร์กินสันที่มีอายุต่ำกว่า 50 ปีลงมานั้น คิดเป็นประมาณร้อยละ 5-10 ของผู้ป่วยทั้งหมด

ประมาณร้อยละ 10 ของผู้ป่วย อาจมีประวัติว่ามีคนในครอบครัวเป็นโรคพาร์กินสัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ป่วยที่มีอายุน้อย

*กลุ่มอาการผิดปกติเกี่ยวการเคลื่อนไหว ได้แก่ อาการมือสั่นขณะอยู่เฉย ๆ กล้ามเนื้อเกร็ง (แขนขาเกร็ง) เคลื่อนไหวช้า (เดินช้า เดินลำบาก) และเสียการทรงตัว เรียกว่า พาร์กินโซนิซึม (parkinsonism) โดยมีอาการดังกล่าวร่วมกันอย่างน้อย 2 อย่าง พบว่ากลุ่มอาการพาร์กินโซนิซึมมีสาเหตุจากโรคพาร์กินสันเป็นส่วนใหญ่ (พบได้ประมาณร้อยละ  80 ของผู้ที่มีอาการพาร์กินโซนิซึม) นอกนั้นมีสาเหตุจากโรคอื่น ๆ

กลุ่มโรคที่เกิดอาการพาร์กินโซนิซึมแบ่งเป็น 2 กลุ่มใหญ่ ๆ ได้แก่

(1) กลุ่มพาร์กินโซนิซึมที่ไม่ทราบสาเหตุ (primary parkinsonism) มักเป็นโรคเกี่ยวกับความผิดปกติของสมอง ที่พบบ่อยสุดก็คือโรคพาร์กินสัน นอกนั้นเป็นกลุ่มโรคที่มีชื่อว่า atypical parkinsonian disorders (มีอีกชื่อหนึ่งว่า โรคพาร์กินสันเทียม เนื่องจากมีอาการคล้ายโรคพาร์กินสัน) ได้แก่

    Progressive supranuclear palsy (PSP) พบได้บ่อยสุดของกลุ่มโรคพาร์กินสันเทียม มักเริ่มแสดงอาการหลังอายุ 50 ปี มีการดำเนินโรคที่รวดเร็วกว่าโรคพาร์กินสัน และมักจะมีอาการหลงลืมเกิดขึ้นในภายหลัง ผู้ป่วยมักมีปัญหาการเคลื่อนไหวของดวงตา โดยเฉพาะอย่างยิ่งการกลอกตาขี้นลง ทำให้มองเห็นภาพไม่ถนัด (อาจเกิดการหกล้ม บาดเจ็บได้) และอาการกลืนลำบาก (เกิดการสำลักอาหาร ทำให้มีปอดอักเสบแทรกซ้อนได้)
    Multiple system atrophy (MSA) มักเริ่มแสดงอาการในช่วงอายุ 50-59 ปี มีอาการพาร์กินโซนิซึมร่วมกับอาการผิดปกติจากความเสื่อมของระบบอื่น ๆ ของร่างกาย อาทิ ระบบประสาทอัตโนมัติ (เช่น ท้องผูก กลั้นปัสสาวะไม่อยู่ องคชาตไม่แข็งตัว หน้ามืด เป็นลมเวลาลุกขึ้นยืนเนื่องจากภาวะความดันตกในท่ายืน) สมองเล็กหรือซีรีเบลลัม (ทำให้เสียการทรงตัว เดินลำบาก พูดอ้อแอ้ กลืนลำบาก) เป็นต้น
    Corticobasal degeneration (CBD) มักเริ่มแสดงอาการในช่วงอายุ 50-70 ปี แรกเริ่มมักมีอาการแขนขาข้างใดข้างหนึ่งเคลื่อนไหวช้า ร่วมกับปัญหาในการรับความรู้สึก หรือการสั่งงานของแขนขาข้างนั้น ต่อมาจะมีอาการเกร็ง กระตุก หรือปวดของแขนขาข้างนั้น เมื่อเวลาผ่านไปอาการดังกล่าวจะเกิดทั้งสองข้าง อาการเคลื่อนไหวผิดปกติจะค่อย ๆ เป็นมากขึ้น ในระยะ 6-8 ปี ในที่สุดจะเป็นมากจนเดินไม่ได้ นอกจากนี้ ผู้ป่วยจะมีอาการอื่น ๆ ร่วมด้วย เช่น มือสั่น เสียการทรงตัว กลืนลำบาก พูดช้าหรือตะกุกตะกัก ความจำเสื่อม 
    Dementia with Lewy bodies (DLB) เป็นสาเหตุของอาการสมองเสื่อมในผู้สูงอายุ เป็นอันดับสองรองจากโรคอัลไซเมอร์ พบบ่อยในคนอายุมากกว่า 60 ปี (ผู้ที่มีประวัติโรคนี้ หรือโรคพาร์กินสันในครอบครัว มีความเสี่ยงต่อการเกิดโรคนี้มากขึ้น) ภาวะนี้จะพบมีกลุ่มก้อนของโปรตีนที่ผิดปกติ (เรียกว่า Lewy bodies) สะสมอยู่ในสมองหลายตำแหน่ง ผู้ป่วยจะมีอาการสมองเสื่อม และอาการทางจิตประสาท (มักมีอาการสับสน เห็นภาพหลอน นอนไม่หลับ ซึมเศร้า) ซึ่งมักเกิดขึ้นก่อนอาการคล้ายโรคพาร์กินสัน (อาการพาร์กินโซนิซึมและอื่น ๆ) ผู้ป่วยมักเสียชีวิตประมาณ 6-7 ปีหลังจากมีอาการ

(2) กลุ่มพาร์กินโซนิซึมที่ทราบสาเหตุ (secondary parkinsonism) อาทิ

    การใช้ยา (drug-induced parkinsonism) พบเป็นสาเหตุของอาการพาร์กินโซนิซึมบ่อยรองลงมาจากโรคพาร์กินสัน มักมีอาการมือสั่นทั้ง 2 ข้าง ขณะที่มืออยู่นิ่ง ๆ ไม่ได้ใช้งาน อาการอาจเป็นชั่วคราว (ซึ่งหลังหยุดยาแล้วค่อย ๆ ดีขึ้น) หรือถาวรก็ได้ ยาที่ทำให้เกิดอาการ อาทิ ยาทางจิตประสาท (เช่น กลุ่มยา phenothiazine, haloperidol, risperidone, lithium, sertraline, fluoxetine, amitriptyline, imipramine) ยารักษาโรคลมชัก (เช่น phenytoin, valproic acid, tiagabine, gabapentin, oxcarbazepine, lamotrigine) ยาแก้อาเจียน (metoclopramide, promethazine) กลุ่มยา calcium channel blockers ซึ่งใช้แก้เวียนศีรษะและป้องกันไมเกรน (เช่น flunarizine, cinnarizine) หรืออาจพบร่วมกับการใช้ยาลดความดันกลุ่มรีเซอร์พีน (reserpine) หรือเมทิลโดพา (methyldopa) ซึ่งขัดขวางการทำงานของสารโดพามีน   
    โรคหลอดเลือด (vascular parkinsonism) อาการพาร์กินโซนิซึม อาจเกิดหลังจากป่วยเป็นโรคหลอดเลือดขนาดเล็กในสมองอุดตัน โดยมีอาการขา 2 ข้างเดินไม่มั่นคง สูญเสียการทรงตัว ซึ่งค่อย ๆ เป็นรุนแรงขึ้นอย่างช้า ๆ แต่มักจะไม่มีอาการมือสั่นแบบโรคพาร์กินสัน ผู้ป่วยมักมีอาการแขนขาอ่อนแรงข้างใดข้างหนึ่ง และมีประวัติเป็นเบาหวาน ความดันโลหิตสูงและ/หรือปัจจัยเสี่ยงต่อการเกิดภาวะหลอดเลือดแดงแข็ง
    ภาวะการเจ็บป่วยที่มีผลต่อเซลล์สมอง ทำให้เกิดอาการพาร์กินโซนิซึมตามมา อาทิ

- สมองอักเสบ เรียกว่า Postencephalitic parkinsonism

- ศีรษะได้รับบาดเจ็บรุนแรง หรือมีการกระทบกระทั่งบ่อยครั้ง เช่น กีฬาต่อยมวย ฟุตบอล ฮอกกี้ (เรียกว่า Post-traumatic parkinsonism) ผู้ป่วยกลุ่มนี้อาจเกิดโรคหลงลืมร่วมด้วย (เรียกว่า Chronic traumatic encephalopathy)

    การใช้สารเสพติดเอ็มพีทีพี (MPTP หรือ 1-methyl-4-phenyl-1,2,3,6-tetrahydropyridine) ซึ่งเป็นสารอนุพันธ์ฝิ่นชนิดหนึ่ง เมื่อเข้าสู่ร่างกายจะแปรเปลี่ยนเป็นสารพิษต่อประสาท ที่มีชื่อว่า 1-methyl-4-phenylpyridinium (MPP+)
    การถูกสารพิษ เช่น แมงกานีส สารปรอท ไซยาไนด์ เมทานอล โทลูอีน (toluene) ก๊าซคาร์บอนมอนอกไซด์ เป็นต้น
    การสัมผัสยาจำกัดศัตรูพืช ยาฆ่าหญ้า หรือไตรคลอโรเอทิลีน (trichloroethylene ซึ่งใช้ในวงการอุตสาหกรรมในการผลิตสินค้าหลาย ๆ ด้าน) เป็นเวลายาวนาน

อาการพาร์กินโซนิซึม ไม่ว่าจากสาเหตุใด ล้วนเกิดจากความผิดปกติของการสร้างสารโดพามีน (dopamine) ในสมองเช่นเดียวกับโรคพาร์กินสัน แต่สำหรับกลุ่มโรคที่ไม่ใช่พาร์กินสันมักมีการดำเนินโรคที่เร็วกว่าโรคพาร์กินสัน มีอาการอื่น ๆ (ซึ่งพบได้น้อยในพาร์กินสัน) ร่วมด้วย และรักษาได้ยากกว่าโรคพาร์กินสัน (ยกเว้นสาเหตุจากการใช้ยาอาจหายเป็นปกติเมื่อหยุดใช้ยาที่เป็นต้นเหตุ) 

**องค์การอนามัยโลกระบุ (เมื่อวันที่ 9 สิงหาคม 2566) ว่า ในระยะ 25 ปีที่ผ่านมา จำนวนผู้ป่วยโรคพาร์กินสันเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ความชุก (prevalence) ของโรคพาร์กินสันที่พบทั่วโลกเพิ่มขึ้นเป็น 2 เท่า ในปี 2562 ทั่วโลกมีผู้ป่วยทั้งสิ้นประมาณ 8.5 ล้านราย และเสียชีวิตประมาณ 329,000 ราย ซึ่งเพิ่มขึ้นมากกว่าร้อยละ 100 นับจากปี 2543


สาเหตุ

โรคพาร์กินสันเกิดจากความเสื่อมสภาพของเซลล์ประสาทในสมองส่วนที่เรียกว่า “ซับสแตนเชียไนกรา (substantia nigra)”* เซลล์ประสาทชนิดนี้ทำหน้าที่สร้างสารโดพามีน (dopamine) ซึ่งเป็นสารสื่อประสาทที่เกี่ยวข้องกับการควบคุมการเคลื่อนไหวของร่างกาย และจิตใจ (เช่น ความจำ การเรียนรู้ อารมณ์ สมาธิ การนอนหลับ) เมื่อเซลล์ประสาทดังกล่าวมีจำนวนลดลง ส่งผลให้สมองพร่องสารโดพามีน ทำให้ร่างกายเกิดการเคลื่อนไหวที่ผิดปกติ และอาการผิดปกติอื่น ๆ

ในปัจจุบัน ยังไม่ทราบว่าอะไรทำให้เกิดความผิดปกติของเซลล์ประสาทส่วนดังกล่าว โรคนี้จึงจัดว่าเป็นภาวะที่ยังไม่ทราบสาเหตุแน่ชัด เชื่อว่าเกี่ยวข้องกับปัจจัยทางพันธุกรรมร่วมกับปัจจัยทางสิ่งแวดล้อมต่าง ๆ

สำหรับปัจจัยทางพันธุกรรมก็ไม่ใช่เป็นปัจจัยหลักหรือปัจจัยเด่นที่ทำให้เกิดโรค พบว่า ผู้ที่มีพ่อหรือแม่เพียงคนใดคนหนึ่งเป็นพาร์กินสัน มีโอกาสเป็นโรคนี้ตามมาค่อนข้างน้อย แต่โอกาสที่จะเป็นโรคนี้สูงขึ้นสำหรับผู้ที่มีประวัติว่ามีคนในครอบครัวเป็นโรคนี้กันหลายคน

โรคนี้พบว่ามีปัจจัยเสี่ยงหลายอย่างที่อาจส่งผลทำให้เกิดโรคพาร์กินสันได้ง่ายขึ้น ได้แก่ อายุ (ยิ่งอายุมากขึ้น ยิ่งมีโอกาสเป็นโรคมากขึ้น), ประวัติโรคพาร์กินสันในครอบครัว (มักพบในผู้ป่วยอายุน้อย) ประวัติการสัมผัสสารเคมี (ยาจำกัดศัตรูพืช หรือยาฆ่าหญ้า) เป็นเวลายาวนาน

  *สมองส่วนนี้เป็นองค์ประกอบหนึ่งของระบบโครงสร้างสมองที่มีชื่อว่า “เบซัลแกงเกลีย (basal ganglia)” หรือ “ปมประสาทฐาน” ซึ่งอยู่ในสมองส่วนกลาง (midbrain) เบซัลแกงเกลียทำหน้าที่หลายด้านด้วยกัน ด้านหนึ่งก็คือการควบคุมการเคลื่อนไหวของร่างกาย โดยอาศัยสารโดพามีนซึ่งสร้างโดยซับสแตนเชียไนกราเป็นสารสื่อประสาทในการทำหน้าที่นี้

เนื่องจากซับสแตนเชียไนกราประกอบด้วยเซลล์ประสาทที่มีเม็ดสีดำ (เมลานิน) ทำให้สมองส่วนนี้มีลักษณะสีดำเข้มกว่าเนื้อสมองโดยรอบ จึงได้ชื่อเป็นภาษาละตินว่า “substantia nigra” ซึ่งคำแรกแปลว่า “วัตถุ” คำหลังแปลว่า “สีดำ”

อาการ

ผู้ป่วยจะมีอาการสั่น แขนขาเกร็ง เคลื่อนไหวเชื่องช้า และเสียการทรงตัว ซึ่งอาการจะค่อย ๆ รุนแรงขึ้นทีละน้อย กินเวลาเป็นแรมปี

ร้อยละ 60-70 ของผู้ป่วยจะมีอาการสั่นเป็นอาการแรกเริ่มของโรค โดยมีลักษณะเฉพาะ คือ สั่นมากเวลาอยู่นิ่ง ๆ เฉย ๆ แต่เวลาเคลื่อนไหวหรือใช้มือทำอะไร เช่น หยิบจับสิ่งของ เขียนหนังสือ จะสั่นน้อยลงหรือหยุดสั่น ระยะแรกของโรคมักมีอาการมือสั่นเพียงข้างใดข้างหนึ่ง ในรายที่เป็นมาก อาการสั่นสามารถเกิดได้ทั้งมือและขาทั้ง 2 ข้าง และในระยะหลัง ๆ ของโรค ผู้ป่วยบางรายอาจมีอาการสั่นเวลาเคลื่อนไหวหรือใช้มือทำอะไรร่วมด้วย

ต่อมาผู้ป่วยจะมีอาการเกร็งของกล้ามเนื้อแขนขาและลำตัว ทำให้ผู้ป่วยรู้สึกปวดเมื่อย โดยที่ไม่ได้เคลื่อนไหวหรือทำงานหนักแต่อย่างใด จนบางรายต้องกินหรือทายาแก้ปวดเมื่อย หรือให้คนบีบนวด หรือไปปรึกษาแพทย์โรคกระดูกและข้อ

ผู้ป่วยจะมีอาการเคลื่อนไหวเชื่องช้า ในระยะแรกจะรู้สึกว่าตัวเองทำอะไร (เช่น หวีผม อาบน้ำ แต่งตัว) ช้าลงจากเดิมมาก มีอาการลุกจากเก้าอี้ลำบาก พลิกตัวบนที่นอนลำบาก ออกก้าวเดินหรือหันตัวหรือหยุดเดินลำบาก มักเดินเชื่องช้า งุ่มง่าม ทรงตัวได้ไม่ดี ในรายที่เป็นมากขึ้นหรือทรงตัวไม่อยู่อาจหกล้มบ่อยจนกระดูกแขนขาหัก ศีรษะแตก ต่อมาอาจเดินเองไม่ได้ ต้องใช้ไม้เท้าหรือมีคนคอยพยุง

นอกจากนี้ ผู้ป่วยอาจมีอาการอื่น ๆ ซึ่งเกี่ยวกับการเคลื่อนไหวผิดปกติของกล้ามเนื้อร่วมด้วย เช่น เขียนหนังสือได้ลำบาก และตัวเขียนจะค่อย ๆ เล็กลงและชิด ๆ กันจนอ่านไม่ออก, พูดเสียงเครือ ๆ เสียงเบาฟังไม่ชัด และเมื่อพูดไปนาน ๆ เสียงจะค่อย ๆ หายไปในลำคอ บางรายอาจมีอาการพูดเสียงราบเรียบระดับเดียว, กลืนอาหารได้ลำบาก มีน้ำลายสอที่มุมปาก และเคี้ยวอาหารลำบาก (ซึ่งมักพบในระยะที่โรครุนแรงขึ้นหรือในระยะหลัง ๆ ของโรค), ใบหน้าเฉยเมยแบบไม่มีอารมณ์เหมือนคนใส่หน้ากาก (เนื่องจากกล้ามเนื้อใบหน้าเคลื่อนไหวลำบาก), กะพริบตาน้อยกว่าปกติ (ทำให้มีอาการตาแห้ง), มีอาการเห็นภาพซ้อน (ซึ่งเกิดจากกล้ามเนื้อกลอกลูกตาอ่อนกำลัง ไม่สามารถเคลื่อนไหวลูกตาทั้ง 2 ข้างให้ประสานสอดคล้องกัน มักพบในผู้ป่วยสูงอายุที่เป็นโรคนี้มานาน)

นอกจากอาการเคลื่อนไหวผิดปกติดังกล่าวข้างต้นแล้ว ผู้ป่วยอาจมีอาการอื่น ๆ ซึ่งเกิดจากความผิดปกติทางระบบประสาทอัตโนมัติ จิตประสาท และการรู้คิด (cognition) ร่วมด้วย ดังนี้   

    อาการอ่อนล้า ในช่วงเย็น ๆ หรือมีอาการปวดตามส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย (เช่น ขา หลัง) โดยเฉพาะเวลานอน หรือช่วงกลางคืนอาจปวดจนนอนไม่หลับ
    อาการทางจิตประสาท เช่น ซึมเศร้า กลัว วิตกกังวล ประสาทหลอน เป็นต้น ซึ่งบางรายอาจพบตั้งแต่ในระยะแรกของโรค
    มีปัญหาเกี่ยวกับการนอนหลับ คือ กลางคืนตื่นบ่อย ตอนเช้านอนตื่นเร็วกว่าปกติ มีอาการง่วงนอนตอนกลางวัน  หรือมีอาการนอนละเมอหรือฝันร้ายบ่อย อาจตื่นขึ้นมาเอะอะ โวยวายกลางดึก โดยที่ผู้ป่วยไม่รู้ตัว
    เวียนศีรษะหน้ามืดเวลาลุกขึ้นยืน เนื่องจากมีภาวะความดันตกในท่ายืน
    ท้องผูก เนื่องจากลำไส้เคลื่อนไหวช้าลง ซึ่งอาจทำให้โรคริดสีดวงกำเริบบ่อย
    ปัสสาวะลำบาก หรือกลั้นปัสสาวะไม่อยู่ ซึ่งอาจทำให้เกิดการติดเชื้อของทางเดินปัสสาวะบ่อย
    การรับรู้กลิ่นผิดเพี้ยน อาจไม่รู้กลิ่นบางชนิด หรือแยกแยะชนิดของกลิ่นไม่ออก
    ความต้องการทางเพศและสมรรถภาพทางเพศลดลง
    สมองเสื่อม (dememtia) ซึ่งมักเกิดอาการหลังมีอาการเคลื่อนไหวผิดปกติ (เช่น มือสั่น เกร็ง เดินลำบาก) นานหลายปี* ก่อนจะเกิดภาวะสมองเสื่อมผู้ป่วยจะมีภาวะการรู้คิดบกพร่องเล็กน้อย (mild cognitive impairment)** ซึ่งยังไม่กระทบต่อการดำเนินชีวิตโดยทั่วไป ต่อมาอาการจะค่อย ๆ เป็นมากขึ้น จนในที่สุดเกิดอาการสมองเสื่อมรุนแรง อาทิ มีอาการความจำเสื่อม (หลง ๆ ลืม ๆ) ขาดสมาธิ ตัดสินใจลำบากหรือผิดพลาด เห็นภาพหลอน มีอาการสับสน หลงผิด หงุดหงิดง่าย วิตกกังวล อารมณ์แปรปรวน มีความผิดปกติเกี่ยวการนอนหลับ เป็นต้น ซึ่งมีผลกระทบต่อการทำกิจวัตรประจำวันและการดำเนินชีวิตโดยทั่วไป

*ภาวะสมองเสื่อม มักจะเกิดขึ้นหลังจากเริ่มมีอาการเคลื่อนไหวผิดปกติมาเป็นเวลานาน โดยเฉลี่ยประมาณ 10 ปี ผู้ป่วยพาร์กินสันที่มีความเสี่ยงต่อการเกิดภาวะสมองเสื่อม ได้แก่ ผู้ป่วยที่มีอายุมาก มีอาการเคลื่อนไหวผิดปกติที่รุนแรง มีภาวะการรู้คิดบกพร่องเล็กน้อย มีอาการประสาทหลอน มีอาการง่วงเหงาหาวนอนตอนกลางวันนานเกินปกติ มีความผิดปกติของการทรงตัวและการเดิน

ผู้ที่มีอาการพาร์กินโซนิซึมร่วมกับภาวะสมองเสื่อม อาจมีสาเหตุได้หลายอย่าง โดยทั่วไป ผู้ป่วยโรคพาร์กินสันมักเกิดภาวะสมองเสื่อมหลังจากมีอาการเคลื่อนไหวผิดปกตินานหลายปี และมีการดำเนินโรคอย่างช้า ๆ หากพบภาวะสมองเสื่อมก่อนอาการเคลื่อนไหวผิดปกติ หรือภายใน 1 ปีหลังมีอาการเคลื่อนไหวผิดปกติ หรือมีอาการรุนแรงขึ้นอย่างรวดเร็ว มักจะเกิดจากโรคอื่น เช่น Dementia with Lewy bodies (DLB), โรคน้ำเกินในสมอง, อัลไซเมอร์ เป็นต้น

**ภาวะการรู้คิดบกพร่องเล็กน้อย หมายถึง ภาวะผิดปกติด้านการรับรู้ ความจำ ความคิดและพฤติกรรมอันเนื่องมาจากความบกพร่องของการทำหน้าที่ของสมอง อย่างน้อย 1 ด้าน จาก 6 ด้าน ดังต่อไปนี้

    ด้านความจำระยะสั้น เช่น  ลืมของบ่อย ลืมการนัดหมาย ลืมสิ่งที่ฟังมา ชอบถามซ้ำ พูดเรื่องเดิมซ้ำ
    ด้านความคิดและการตัดสินใจ เช่น คิดช้า มีความยากลำบากในการคิดตัดสินใจหรือการแก้ปัญหาเฉพาะหน้า แก้ปัญหาที่ซับซ้อนต่าง ๆ ได้ยากขึ้น
    ด้านการใช้ภาษา เช่น นึกคำพูดไม่ออก พูดไม่คล่องเหมือนเดิม พูดไม่รู้เรื่อง ฟังไม่เข้าใจ
    ด้านการใส่ใจ การจดจ่อ เช่น สมาธิไม่ดี ทำอะไรไม่ได้ต่อเนื่องนาน ๆ วางของ (เช่น กุญแจ กระเป๋าสตางค์) ไว้แล้วหาไม่พบ วางกาต้มน้ำไว้บนเตาแล้วลืม
    ด้านการรับรู้และใช้งานสิ่งรอบตัว เช่น ไม่รู้ว่าสิ่งที่เห็นหรือถืออยู่คืออะไรทั้งที่เคยรู้ สูญเสียทักษะในการทำงานหรือไม่สามารถใช้เครื่องมือต่าง ๆ ที่เคยใช้ได้ (เช่น งานบ้าน ขับรถ ขี่จักรยาน)
    ด้านพฤติกรรมและอารมณ์ เช่น แสดงพฤติกรรมไม่เหมาะสมในที่สาธารณะ มีความรู้สึกเห็นอกเห็นในผู้อื่นน้อย มีอารมณ์ฉุนเฉียวง่าย วิตกกังวลหรือซึมเศร้า

ภาวะการรู้คิดบกพร่องเล็กน้อย พบได้ประมาณร้อยละ 25-50 ของผู้ป่วยที่เป็นพาร์กินสัน ภาวะนี้อาจพบได้ตั้งแต่ระยะก่อนหรือระยะเริ่มแรกที่มีอาการเคลื่อนไหวผิดปกติ บางรายอาจมีอาการคงที่ตลอดไป บางรายอาการอาจกลับทุเลาไปได้ (โดยเฉพาะกลุ่มที่มีอาการไม่มากและได้รับการรักษาตั้งแต่แรก) ผู้ป่วยพาร์กินสันที่มีภาวะการรู้คิดบกพร่องเล็กน้อย พบว่าประมาณร้อยละ 40-50 จะเกิดภาวะสมองเสื่อมตามมาเมื่อติดตามดูอาการไปนาน 5 ปี


ภาวะแทรกซ้อน

สำหรับผู้ป่วยที่มีอาการรุนแรง อาจมีภาวะแทรกซ้อน ดังนี้   

    สำลักอาหารง่าย (อาจทำให้เกิดปอดอักเสบ) และภาวะทุพโภชนาการ (ขาดอาหาร ขาดน้ำ) เนื่องจากมีอาการกลืนและเคี้ยวอาหารลำบาก
    ในรายที่เดินลำบากหรือเสียการทรงตัว อาจหกล้ม กระดูกหักหรือศีรษะได้รับบาดเจ็บ เป็นอันตรายได้
    สูญเสียคุณภาพชีวิตเนื่องจากไม่สามารถทำกิจวัตรต่าง ๆ ได้เป็นปกติ เช่น อาบน้ำ เปลี่ยนเสื้อผ้า เดิน พูดสื่อสาร เขียนหนังสือหรือเซ็นชื่อ เป็นต้น
    มีภาวะทุพพลภาพ ไม่สามารถดำเนินชีวิตได้ปกติ เนื่องจากความบกพร่องทางการเคลื่อนไหวและภาวะสมองเสื่อม
    มีผลกระทบด้านจิตใจ (เช่น วิตกกังวล ซึมเศร้า) และด้านสังคม (เก็บตัว ไม่เข้าสังคม) 
    ในรายที่เป็นรุนแรง อาจนอนติดเตียงจนเกิดแผลกดทับ หรือมีโรคติดเชื้อแทรกซ้อน เช่น ปอดอักเสบ ทางเดินปัสสาวะอักเสบ ซึ่งอาจรุนแรงถึงเกิดภาวะโลหิตเป็นพิษ ทำให้เสียชีวิตได้


การวินิจฉัย

แพทย์จะวินิจฉัยจากอาการ ประวัติการเจ็บป่วย และการตรวจร่างกาย (โดยเฉพาะอย่างยิ่งทางระบบประสาท) เป็นหลัก ซึ่งมีสิ่งตรวจพบ ดังนี้

อาการมือสั่น ขาสั่น บางรายอาจมีอาการหัวสั่น ปากสั่น คางสั่นร่วมด้วย (โดยสั่นในอัตราประมาณวินาทีละ 3-6 ครั้ง)

บางรายอาจมีอาการสั่นของมือแบบลักษณะปั้นยาลูกกลอน (pill-rolling)

การตรวจดูกล้ามเนื้อแขนขา พบว่ามีอาการเกร็ง และในรายที่มีอาการสั่น เวลาจับมือหรือแขนผู้ป่วยโยกเข้าออกหรือขึ้นลงตามข้อมือหรือข้อศอก จะพบลักษณะสะดุดเป็นจังหวะ ๆ คล้ายการเคลื่อนของฟันเฟือง (cogwheel rigidity)

ผู้ป่วยจะมีลักษณะท่าเดินจำเพาะตัว คือ ก้าวสั้น ๆ แบบซอยเท้าในช่วงแรก ๆ และต่อมาจะก้าวยาวขึ้นเรื่อย ๆ จนเร็วมากและหยุดทันทีทันใดไม่ได้ จะล้มหน้าคว่ำ เมื่อกลับตัวเวลาเดิน ผู้ป่วยมักจะกลับทั้งตัวไปพร้อม ๆ กันร่วมกับซอยเท้าถี่ ๆ  บางรายมีอาการเดินย่ำอยู่กับที่เหมือนเท้าติดอยู่กับพื้น นอกจากนี้ยังมีลักษณะเดินโน้มตัวไปข้างหน้าและแขนข้างที่มีอาการไม่แกว่ง มือจะชิดแนบตัว เดินแข็งทื่อคล้ายหุ่นยนต์ ในรายที่เป็นมากจะมีอาการศีรษะและคอก้มลง หรือโน้มลงมาเกือบครึ่งตัว

ผู้ป่วยจะมีใบหน้าเฉยเมยแบบไม่มีอารมณ์เหมือนคนใส่หน้ากาก เวลาพูดจะมีมุมปากขยับเพียงเล็กน้อย ตามักไม่กะพริบ การกลอกลูกตาจะทำได้ลำบากและเชื่องช้า และลูกตาจะเคลื่อนไหวแบบกระตุก

มักตรวจพบว่ากล้ามเนื้อแข็งแรงเป็นปกติและไม่มีอาการชา (เข็มแทงเจ็บเป็นปกติ)

ในรายที่วินิจฉัยไม่ได้ชัดเจนหรือสงสัยมีสาเหตุจากโรคทางสมองอื่น ๆ แพทย์จะทำการตรวจพิเศษเพิ่มเติม เช่น ตรวจเลือด ถ่ายภาพสมองด้วยคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าหรือเอกซเรย์คอมพิวเตอร์ ตรวจคลื่นสมอง เป็นต้น


การรักษาโดยแพทย์

เมื่อวินิจฉัยได้แน่ชัดว่าเป็นโรคพาร์กินสัน แพทย์จะให้การดูแลรักษา ดังนี้

1. การรักษาทางยา เป็นกลุ่มยาที่ใช้บรรเทาอาการ เพื่อให้ผู้ป่วยสามารถมีชีวิตเป็นปกติสุขหรือมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น มิใช่ยาที่ทำให้เซลล์สมองที่ตายไปแล้วฟื้นตัวกลับมาหรืองอกใหม่ได้

(1) ยาที่ใช้ควบคุมอาการผิดปกติของเคลื่อนไหว ยาพื้นฐานที่นิยมใช้กัน ได้แก่ เลโวโดพา (levodopa) ตัวยาจะเปลี่ยนเป็นสารโดพามีนเข้าสู่สมองโดยตรง เป็นการทดแทนสารโดพามีนที่พร่องไป นิยมใช้ร่วมกับคาร์บิโดพา (carbidopa) ซึ่งช่วยเสริมฤทธิ์ของยาเลโวโดพา โดยมักจะผสมอยู่ในเม็ดเดียวกัน

นอกจากนี้แพทย์อาจเลือกใช้ยากลุ่มอื่น อาทิ

    กลุ่มยากระตุ้นโดพามีน (dopamine agonist) เช่น pramipexole, ropinirole เหมาะสำหรับผู้ป่วยที่มีอาการในระยะแรกเริ่ม หรือใช้ร่วมกับยาเลโวโดพาในรายที่มีอาการมาก
    กลุ่มยายับยั้งเอนไซม์เอ็มเอโอบี (MAO-B/Monoamine oxidase-B inhibitors) เช่น selegiline, rasagiline ยานี้ช่วยป้องกันไม่ให้สารโดพามีนในสมองลดลงจากการถูกเอนไซม์ชนิดนี้ทำลาย เหมาะสำหรับผู้ป่วยที่มีอาการในระยะแรกเริ่ม อาจใช้เดี่ยว ๆ หรือใช้ร่วมกับเลโวโดพา
    กลุ่มยายับยั้งเอนไซม์ซีโอเอ็มที (COMT/Catechol-O-methyltransferase inhibitors) เช่น entacapone ยานี้ช่วยป้องกันไม่ให้สารโดพามีนในสมองลดลงจากการถูกเอนไซม์ชนิดนี้ทำลาย โดยจะใช้ยานี้ร่วมกับยาเลโวโดพา
    กลุ่มยาแอนติโคลิเนอร์จิก เช่น เบนซ์โทรพีน (benztropine), ไตรเฮกซีเฟนิดิล (trihexyphenidyl) เหมาะสำหรับใช้ในการควบคุมอาการสั่น อาจใช้เดี่ยว ๆ หรือใช้ร่วมกับเลโวโดพา

(2) ยาที่ใช้บรรเทาหรือควบคุมอาการอื่น ๆ ที่ไม่เกี่ยวกับการเคลื่อนไหว อาทิ

    ยากล่อมประสาท เช่น โคลนาซีแพม (clonazepam), ลอราซีแพม (lorazepam) สำหรับอาการวิตกกังวล นอนไม่หลับ 
    ยาต้านซึมเศร้า เช่น ฟลูออกซีทิน (fluoxetine), เซอร์ทราลีน (sertraline) สำหรับภาวะซึมเศร้า
    ยาซิลเดนาฟิล (sildenafil ซึ่งมีชื่อการค้าว่า Viagra) สำหรับภาวะองคชาตไม่แข็งตัว (erectile dysfunction)
    ยาระบาย เช่น โพลีเอทิลีนไกลคอล (polyethylene glycol) สำหรับอาการท้องผูก
    ยาโมดาฟินิล (modafinil) สำหรับอาการง่วงนอนตอนกลางวัน
    ยายับยั้งเอนไซม์โคลินเอสเทอเรส (cholinesterase inhibitors) เช่น ไรวาสติกมีน (rivastigmine) สำหรับบรรเทาภาวะสมองเสื่อม

2. การรักษาทางกายภาพบำบัด เพื่อช่วยให้ร่างกายสมส่วน ทรงตัว และเคลื่อนไหวถูกต้อง รวมทั้งแก้ไขภาวะแทรกซ้อน เช่น หลังโก่ง ไหล่ติด ปวดคอ ปวดเอว ปวดหลัง ปวดขา เป็นต้น กิจกรรมบำบัด เพื่อช่วยฟื้นฟูทักษะการทำกิจวัตรต่าง ๆ และอรรถบำบัด เพื่อช่วยกระตุ้นและฟื้นฟูการพูดและกลืนอาหาร

3. การรักษาด้วยการผ่าตัด บางรายแพทย์อาจพิจารณาทำการผ่าตัดฝังเครื่องกระตุ้นสมองส่วนลึก (deep brain stimulation) เพื่อช่วยลดอาการยุกยิก แข็งเกร็งและสั่น (แต่ไม่ได้ช่วยหยุดยั้งการเสื่อมของสมองที่อาจเกิดขึ้นต่อไป)

ผลการรักษา การรักษาตั้งแต่ระยะแรกเริ่มของโรค และอย่างต่อเนื่อง จะช่วยให้ควบคุมโรคได้ดี มีภาวะแทรกซ้อนน้อย มีคุณภาพชีวิตที่ดีและมีอายุยืนยาวเช่นปกติได้เป็นส่วนใหญ่ ส่วนผู้ที่มีอาการรุนแรง หรือได้รับการรักษาที่ล่าช้า จะได้ผลไม่สู้ดี และมีภาวะแทรกซ้อนตามมาได้ ภาวะแทรกซ้อนร้ายแรงที่อาจทำให้เสียชีวิต เช่น การสำลักอาหาร ปอดอักเสบ และการได้รับบาดเจ็บร้ายแรงเนื่องจากการหกล้ม ส่วนผู้ป่วยที่มีภาวะสมองเสื่อมร่วมด้วยสามารถมีชีวิตอยู่ได้โดยเฉลี่ยประมาณ 5-7 ปีหลังจากเริ่มมีอาการสมองเสื่อม


การดูแลตนเอง

หากสงสัย เช่น มีอาการมือสั่น รู้สึกปวดเมื่อยเรื้อรัง มีอาการเคลื่อนไหวร่างกาย (เช่น การเดิน การลุกนั่ง การพลิกตัวบนที่นอน การเขียนหนังสือ) เชื่องช้าหรือลำบาก พูดเสียงเครือ ๆ พูดเสียงราบเรียบระดับเดียว หรือกลืนลำบาก ควรปรึกษาแพทย์

3
มอเตอร์ไซด์ใหม่ ฮาร์ลีย์-เดวิดสัน Harley-Davidson CVO Road Glide ST ปี 2025

Harley-Davidson CVO Road Glide ST ปี 2025 เป็นรถมอเตอร์ไซค์ Grand American Touring ระดับสูงสุดในตระกูล Custom Vehicle Operations (CVO) ของ Harley-Davidson ที่เน้นสมรรถนะสูง ดีไซน์ที่ได้รับแรงบันดาลใจจากสนามแข่ง King of the Baggers และอุปกรณ์ระดับพรีเมียม

ราคาในประเทศไทย:

Harley-Davidson CVO Road Glide ST ปี 2025 ราคาเริ่มต้นที่ 3,193,000 บาท (ราคาอาจมีการเปลี่ยนแปลงขึ้นอยู่กับสี และโปรโมชั่น ณ วันที่ซื้อ)
จุดเด่นและสิ่งที่ควรรู้:

เครื่องยนต์ Milwaukee-Eight® 121 High Output (H.O.):

เป็นเครื่องยนต์ที่ทรงพลังที่สุดเท่าที่เคยมีมาในรถโปรดักชันของ Harley-Davidson
ขนาด 1,977 ซีซี (121 ลูกบาศก์นิ้ว) V-Twin ระบายความร้อนด้วยอากาศ/ของเหลว
กำลังสูงสุด: 127 แรงม้า (95 kW) ที่ 4,900 รอบต่อนาที
แรงบิดสูงสุด: 197 นิวตันเมตร (145 ฟุต-ปอนด์) ที่ 4,000 รอบต่อนาที
มาพร้อม High-Performance Camshaft, Heavy Breather Air Intake, และท่อไอเสีย Titanium พร้อมปลายท่อ Carbon Fiber ที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพและลดน้ำหนัก
ปรับเพิ่มรอบเครื่องยนต์สูงสุดเป็น 5,900 รอบ/นาที เพื่อการขับขี่ที่เร้าใจยิ่งขึ้น

ดีไซน์และน้ำหนัก:

ได้รับแรงบันดาลใจจากรถแข่ง Screamin' Eagle® Factory Team Road Glide® ในรายการ MotoAmerica® Mission Foods King of the Baggers
มีการใช้วัสดุน้ำหนักเบา เช่น Carbon-fiber สำหรับบังโคลนหน้า, คอนโซล และส่วนอื่นๆ เพื่อลดน้ำหนักรวม ทำให้ เบากว่า CVO Road Glide รุ่นมาตรฐานถึง 28 ปอนด์ (ประมาณ 12.7 กก.)
แฟริ่งหน้า Road Glide "Sharknose" อันเป็นเอกลักษณ์
สีสันพิเศษ "Rally Red" หรือ "Hot Lap" ที่ได้รับแรงบันดาลใจจากการแข่งขัน

ระบบกันสะเทือนและเบรก:

โช้คหน้าแบบหัวกลับ SHOWA® ขนาด 47 มม. แบบปรับได้เต็มระบบ (Fully Adjustable) ทั้ง preload, compression และ rebound
โช้คหลังแบบ Piggyback SHOWA® Remote Reservoir แบบปรับได้เต็มระบบ เพื่อประสิทธิภาพการยึดเกาะถนนที่ดีเยี่ยมและควบคุมได้ในทุกสภาพเส้นทาง
ระบบเบรก Brembo® Performance: คาลิเปอร์ 4 ลูกสูบแบบ Radially Mounted ที่ล้อหน้า (คู่) และลูกสูบเดี่ยวที่ล้อหลัง พร้อมจานเบรกแบบ Wave Style เพื่อการเบรกที่ทรงประสิทธิภาพ
ระบบ ABS (Anti-lock Braking System)

เทคโนโลยีและฟีเจอร์สำหรับผู้ขับขี่:

หน้าจอ Infotainment ขนาด 12.3 นิ้ว (Skyline™ OS): แบบ Full-Color TFT ให้ข้อมูลครบครัน แสดงผลระบบนำทาง (ผ่าน Wi-Fi hotspot), รองรับ Apple CarPlay (wireless หรือ wired) และ Bluetooth
ลำโพง Rockford Fosgate® Stage II: กำลังขับ 125 วัตต์/แชนแนล (4 ลำโพง - 2x 6.5 นิ้วที่แฟริ่ง, 2x 5x7 นิ้วที่กระเป๋าข้าง) เพื่อประสบการณ์เสียงที่ยอดเยี่ยม
โหมดการขับขี่ (Ride Modes): มาตรฐาน 3 โหมด (Road, Sport, Rain) และเพิ่มโหมดสำหรับสมรรถนะสูง Track และ Track+ สำหรับการขับขี่ในสนามแข่ง
ชุดระบบความปลอดภัย Cornering Enhanced Rider Safety Enhancements: (ทำงานโดยคำนึงถึงองศาการเอียงของรถ)
Cornering Enhanced Antilock Braking System (C-ABS)
Cornering Enhanced Traction Control System (C-TCS)
Cornering Enhanced Drag-Torque Slip Control System (C-DSCS)
Tire Pressure Monitoring System (TPMS)
ไฟหน้าและไฟท้ายแบบ LED เต็มระบบ

คุณสมบัติอื่นๆ:

กระเป๋าข้าง (Saddlebags) ที่ออกแบบมาเพื่อลดน้ำหนัก
เบาะนั่งเดี่ยว (Solo Seat)
ถังน้ำมันขนาด 22.7 ลิตร

Harley-Davidson CVO Road Glide ST ปี 2025 เป็นสุดยอดของรถ Touring สมรรถนะสูงจาก Harley-Davidson เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการรถที่สามารถขับขี่ได้ทั้งการเดินทางไกลและให้ความสนุกสนานเร้าใจบนเส้นทางที่คดเคี้ยว ด้วยเครื่องยนต์ที่ทรงพลังที่สุดในประวัติศาสตร์ของ Harley-Davidson พร้อมช่วงล่างที่ปรับแต่งได้เต็มระบบ และเทคโนโลยีล้ำสมัย ทำให้เป็นรถที่โดดเด่นและเป็นที่ต้องการในกลุ่มผู้ขับขี่ที่ชื่นชอบสมรรถนะสูงและสไตล์ที่เป็นเอกลักษณ์ครับ

4
ไม่ควรรอช้า ! จัดฟันเด็กเล็ก ดีกว่าจัดฟันตอนโต !

มีความเชื่อมากมายของคนในอดีตเกี่ยวกับการจัดฟัน เช่น ไม่ควรจัดฟันตอนเด็ก เพราะ จะทำให้ช่องปากมีปัญหา บ้างก็ว่าจัดตอนเด็กโตไปก็ต้องจัดใหม่อีกรอบอยู่ดี บ้างก็มองถึงความไม่เหมาะสม แต่ในความเป็นจริงแล้ว การพัฒนาด้านทันตกรรม และการศึกษาที่มากขึ้นจากทั่วโลกทำให้ทราบแล้วว่า การจัดฟันควรทำก่อน อายุ 13 ปี นอกจากจะทำให้ฟันเข้ารูปเรียงตัวกันสวยงามตามธรรมชาติได้ง่ายกว่าในวัยเจริญเติบโตแล้ว ยังทำให้ใบหน้าเข้ารูปสวยงามได้อีกด้วย ซึ่งต่างจากการจัดฟันตอนที่อยู่ในช่วงใกล้หยุดเจริญเติบโต หรือในช่วงเด็กโตเนื่องจากฟันจะเข้ารูปยากกว่าแถมไม่ช่วยเรื่องโครงหน้าอีกด้วย

โดยในวันนี้จะพาคุณผู้อ่านที่กำลังสนใจจะให้บุตรหลานทำการจัดฟัน มาทำความรู้จักกับ EF Line อุปกรณ์จัดฟันเด็กเล็กนวัตกรรมทางทันตกรรมที่ได้รับการลองรับจากทั่วโลก ดังต่อไปนี้

จัดฟันในเด็กเล็กควรเริ่มตั้งแต่เมื่อไหร่ ?

เด็กเล็กสามารถจัดฟันได้ตั้งแต่ฟันยังเริ่มเป็นฟันน้ำนม หรือจะรอให้ฟันแท้ขึ้นครบก่อนก็ได้ แต่ควรเริ่มจัดฟันในระยะแรกเมื่อฟันแท้ขึ้นครบ เพราะจะทำให้รักษาได้ง่าย ค่าใช้จ่ายจึงน้อยลงตามไปด้วย และที่สำคัญคือ ผลการรักษาที่ออกมามีประสิทธิภาพและยั่งยืนกว่ามาทำตอนที่โตแล้วมาก

สาเหตุที่ส่งผลให้ฟันแท้เรียงตัวผิดปกติไม่สวยงามตามธรรมชาติ ?

     พันธุกรรม
     การดูแลฟันน้ำนมไม่ดีพอ จนทำให้ต้องถอนก่อนกำหนด ทำให้ฟันแท้เกิดการล้มเกได้ง่าย
     พฤติกรรมต่างๆในวัยเด็ก เช่น ดูดนิ้ว กัดเล็บ ติดจุกนมปลอม หายใจทางปาก และ กัดริมฝีปาก
     ปัญหาด้านสุขภาพต่างๆ เช่น โรคภูมิแพ้ หรือโรคเกี่ยวกับทางเดินหายใจ


EF Line อุปกรณ์จัดฟันเด็กเล็ก ?

จากการศึกษาในปัจจุบันทำให้ทราบได้ว่า กล้ามเนื้อใบหน้า และ ลิ้น มีผลต่อการเปลี่ยนแปลงรูปร่าง ขนาด และการทำงานของกระดูกขากรรไกรและใบหน้า จึงได้ทำการคิดค้นเครื่องมือที่ช่วยในเรื่องการปรับปรุงแก้ไขกล้ามเนื้อขากรรไกร รวมถึงจัดฟันที่ผิดปกติให้กลับเข้าที่ได้ด้วยในเวลาเดียวกัน เพราะทุกส่วนเกี่ยวข้องกันอย่างอัศจรรย์ โดยเรื่องมือนี้คือ EF Line

โดย EF Line สามารถเริ่มใช้ได้ตั้งแต่เด็กเล็กอายุประมาณ 4 ปี จนถึงอายุ 15 ปี ซึ่งเครื่องมือ EF Line นี้สามารถแก้ปัญหาได้หลากหลายรูปแบบ เช่น ปัญหารูปทรงใบหน้าที่ไม่เข้ารูป คางยื่น คางยุบ ให้กลับเข้าสู่สภาพโครงหน้าปกติ รวมถึงเด็กที่มีปัญหาเกี่ยวกับฟันที่เรียงตัวผิดปกติซึ่งส่งผลถึงปัญหามากมายในอนาคต

ซึ่ง EF Line จัดเป็นงานการประยุกต์และปรับปรุงการเจริญเติบโตซึ่งจะได้ผลดีเมื่อเริ่มในเด็ก ในผู้ป่วยที่สบฟันแบบ ฟันบนยื่นมาก โดยสามารถแก้ไขปัญหาดังกล่าวได้อย่างรวดเร็วโดยใช้ระยะเวลาเพียงแค่ 6-9 เดือนเท่านั้นเอง ต่างกับการที่ไปรอจัดฟันในช่วงเด็กโต เพราะอาจจะต้องใช้ระยะเวลาจัดฟันเป็นปีกว่าจะเข้ารูปสวยงาม ทำให้การจัดฟันในเด็กเล็กมีค่าใช้จ่ายที่น้อยกว่าอีกด้วย

EF Line กระบวนการจัดฟันปรับโครงหน้าเด็ก สามารถแก้ปัญหาอะไรได้บ้าง ?

     ฟันล่างสบคร่อมฟันบน
     ฟันสบลึก
     ฟันสบเปิด
     นิสัยผิดปกติของเด็ก
     การกลืนผิดปกติ
     การวางลิ้นผิดปกติ
     การหายใจทางปาก
     คางเบี้ยว
     นอนกรน

วิธีการใช้งาน อุปกรณ์ EF Line อย่างถูกต้อง !

     ก่อนที่จะทำการใช้เครื่องมือ EF Line ควรพาเด็กเล็กที่ต้องการใส่อุปกรณ์ ไปพบทันตแพทย์เพื่อให้ตรวจสอบวินิจฉัย
     ต้องอยู่ในความดูแลของทันตแพทย์ผู้เชี่ยวชาญตลอดการจัดฟัน เพื่อได้รับคำแนะที่ถูกต้อง เพื่อให้ได้ประสิทธิภาพที่ดีที่สุด
     เมื่อได้อุปกรณ์จัดฟันเด็ก EF Line มาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ต้องให้เริ่มทำการใส่โดยตอนกลางคืนให้เด็กๆใส่นอนไว้เลยเป็นเวลาประมาณ 10 ชั่วโมง และในเวลากลางวันเมื่อเด็กตื่นนอนให้ใส่ติดปากไว้ ประมาณ 2 ชั่วโมง และในขณะที่ใส่อุปกรณ์ ห้ามให้เด็กเคี้ยวอะไรเล่น พยายามให้พูดน้อยที่สุด และปิดปากให้สนิทที่สุดเท่าที่จะทำได้
     ในขณะที่ใส่อุปกรณ์อยู่พยายามให้เด็กดื่มน้ำบ่อยๆ เพื่อให้เกิดความชุ่มชื่นในปาก ลดการระคายเคืองในช่องปากที่ก่อให้เกิดแผลจากการเสียดสี
     ไม่ว่าเด็กจะขอถอดออกอย่างไรก็ห้ามตามใจจนกว่าจะครบกำหนดเวลา เพราะในการใส่อุปกรณ์ช่วงแรก เด็กจะรู้สึกไม่สบายปาก ระคายเคือง และอาจจะมีอาการเหมือนอยากอาเจียนบ้าง แต่เมื่อนานไปเด็กจะสามารถใส่ได้นานขึ้นหลังจากเคยชิน
     สุดท้ายคือ ห้ามละเลยกับการพบทันตแพทย์เพื่อเข้ารับการวิเคราะห์ตรวจวินิจฉัยถึงการเปลี่ยนแปลงเป็นระยะๆ


5
สร้างรายได้ จากการขายผัดกะเพราหมูสับเผ็ดแบบแห้ง รสชาติเข้มข้นจัดจ้าน กลิ่นหอมกะทะจากการคั่ว

กะเพราหมูสับคั่วแห้งแซ่บ”เป็นเมนูที่คุณไม่ควรพลาด กะเพราหมูสับผัดกะเพราเป็นอาหารริมทางยอดนิยมของไทยที่นำมาปรุงใหม่ในรูปแบบอาหารแห้ง ที่มีรสชาติเผ็ดร้อนและกลิ่นหอมเป็นพิเศษ โดยไม่มีซอสที่กองอยู่ก้นจาน ทำให้ได้รสชาติเข้มข้นและเนื้อสัมผัสแตกต่างออกไปเล็กน้อย คุณสามารถหาซื้อได้ง่ายตามแผงขายอาหารริมถนนหรือร้านอาหารบรรยากาศสบายๆในประเทศไทย

ผัดกับใบกะเพราสด กระเทียม พริกขี้หนู และหมูสับละเอียด อาหารจานนี้มีรสชาติและเนื้อสัมผัสที่เข้มข้น แตกต่างจากแบบซอสดั้งเดิม ตรงที่แบบแห้ง (คั่วแห้ง) จะต้องเคี่ยวนานขึ้นด้วยไฟแรงเพื่อให้รสชาติเข้มข้นขึ้น ทำให้หมูกรอบเล็กน้อยและมีกลิ่นหอมจากการคั่วที่เข้มข้น

อะไรทำให้มัน “Zaab” (เผ็ดและมีรสชาติ)?
คำว่า “แซ่บ” เป็นศัพท์แสลงจากภาคอีสานของประเทศไทย ซึ่งแปลว่า “อร่อยมาก” และมักจะเผ็ดร้อน ในเวอร์ชั่นนี้ พริกจะไม่เผ็ดจนเกินไป แต่คุณจะได้ความเผ็ดร้อนที่เต็มเปี่ยม ซึ่งผสมผสานอย่างลงตัวด้วยกลิ่นโหระพาหอมกรุ่นและเนื้อสัมผัสที่เข้มข้น ทุกคำมีรสชาติเผ็ด เค็ม และอูมามิที่ลงตัว

เสิร์ฟอย่างไร?
มักเสิร์ฟพร้อมข้าวหอมมะลิร้อนๆ และมักโรยหน้าด้วยไข่ดาว อาหารจานนี้ให้ความพึงพอใจ อิ่มท้อง และน่ารับประทานเป็นอย่างยิ่ง เหมาะสำหรับมื้อกลางวัน มื้อเย็น หรือแม้แต่เมนูเผ็ดๆ ยามดึก

ทำไมคุณถึงควรลอง
รสชาติไทยแท้ : อัดแน่นด้วยสมุนไพรและเครื่องเทศไทยแท้
รวดเร็วและอิ่มอร่อย : เมนูยอดนิยมในร้านอาหารไทยแบบ “ตามสั่ง”
ปรับแต่งความร้อนได้ : บอกระดับความเผ็ดให้พ่อครัวได้ ตั้งแต่เผ็ดน้อยไปจนถึงเผ็ดมาก!
ทานคู่กับข้าวสวย : หมูแห้งเข้ากันได้ดีกับข้าวสวยขาวนุ่มฟู

โดยทั่วไปสิ่งที่คุณคาดหวังได้จากกะเพราหมูสับคั่วแห้งมีดังนี้:
หมู: หมูสับ (หมูสับ – หมูทรัพย์) เป็นโปรตีนหลัก
กะเพรา:ส่วนผสมหลักคือ กะเพราที่ให้รสชาติเผ็ดและรสชาติอันเป็นเอกลักษณ์
ผัดแห้ง:คำว่า “คั่วแห้ง” (คั่วแห้ง) หมายถึง “ทอดแห้ง” หรือ “คั่วแห้ง” วิธีการปรุงอาหารนี้ปริมาณบางส่วนที่มีรสชาติเข้มข้นขึ้นอาหารจานนี้มีรสชาติและอร่อยมากขึ้น
เครื่องปรุงรสหลัก: เครื่องปรุงรสประกอบด้วยน้ำปลาซีอิ๊วซอสหอยนางรม และแน่นอนพริกและกระเทียมจำนวนมาก
วิธีรับประทาน: มักเสิร์ฟบนข้าวสวยร้อนๆ โดยไข่ดาววางอยู่ด้านบน

ไม่ว่าคุณจะอยู่ในประเทศไทยหรือไปร้านอาหารไทยในต่างประเทศ อย่าลืมสั่งหมูสับผัดกะเพราเผ็ด (แบบแห้ง)อาหารจานนี้ถ่ายทอดแก่นแท้ของอาหารข้างทางของไทยได้อย่างลงตัว ทั้งยังทำได้อย่างรวดเร็ว รสชาติอร่อย และน่าประทับใจไม่รู้ลืม

เคล็ดลับ : หากคุณชอบกลิ่นหอมเข้มข้นของน้ำมันผัดในกระทะและเนื้อที่คาราเมลเล็กน้อย ให้สั่งแบบ “กรอบพิเศษแบบแห้ง”


6
บ้านติดรถไฟฟ้า เทอร์ร่า เฮาส์ วิภา-พหล 21 (TERRA HAUS Vibha-Phahon 21)
เริ่มต้น 58 ลบ. 

เทอร์ร่า เฮาส์ วิภา-พหล 21 (TERRA HAUS Vibha-Phahon 21)
TERRA HAUS บ้านเดี่ยวลักชัวรี่ 3 ชั้น บ้านที่เน้นการออกแบบความเป็นส่วนตัวสูง ภายใต้แนวคิด Terrarium การสร้างระบบนิเวศน์ ที่อุดมสมบูรณ์เหมาะแก่การอยู่อาศัย พักผ่อนไปกับสิ่งแวดล้อมที่เหมาะสม พร้อมลิฟต์ส่วนตัวและสิ่งอำนวยความสะดวกที่ครบครัน

รายละเอียดโครงการ
 ชื่อโครงการ            เทอร์ร่า เฮาส์ วิภา-พหล 21 (TERRA HAUS Vibha-Phahon 21)
 เจ้าของโครงการ       บิลท์ แลนด์
 แบรนด์ย่อย            เทอร์ร่า
 ราคา                   เริ่มต้น 58 ลบ.

 ประเภทบ้าน           บ้านเดี่ยว
 ลักษณะทำเล          บ้านในเมือง, บ้านใกล้เมือง, บ้านติดรถไฟฟ้า
 พื้นที่โครงการ        1 ไร่ 3 ตร.ว.
 จำนวนบ้าน           6 หลัง
 แบบบ้านทั้งหมด     โปรดสอบถามข้อมูลกับทางโครงการ
  เนื้อที่บ้าน            ตั้งแต่ 50 ตร.ว.
 พื้นที่ใช้สอย          ตั้งแต่ 400 ตร.ม.
 จำนวนชั้น             3 ชั้น
 หน้ากว้าง            โปรดสอบถามข้อมูลกับทางโครงการ
 จำนวนห้องนอน      4 ห้อง
 จำนวนที่จอดรถ      3 คัน
 สาธารณูปโภค      สระว่ายน้ำ (สระว่ายน้ำระบบสกิมเมอร์), ฟิตเนส, รปภ., CCTV, อื่นๆ (ห้องโยคะ, ห้องวาดภาพ, ห้องดนตรี, ห้องเก็บของสะสม, ลิฟท์โดยสารแก้ว)

สถานที่ใกล้เคียง
 โซน          ลาดพร้าว, จตุจักร, ประชาชื่น
 ที่ตั้ง         ซอยพหลโยธิน 21 ถนนพหลโยธิน แขวงจตุจักร เขตจตุจักร กรุงเทพมหานคร 10900

 ขนส่งสาธารณะ
ใกล้รถไฟฟ้า, รถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน, สถานีบางซื่อ - หัวลำโพง(พหลโยธิน)
ใกล้รถไฟฟ้า, รถไฟฟ้าสายสีเขียวเข้ม, สถานี(หมอชิต - คูคต)(พหลโยธิน 24)
ใกล้ถนนสายหลัก (ถนนพหลโยธิน, ถนนรัชดาภิเษก, ถนนวิภาวดีรังสิต)

 สถานที่สำคัญใกล้เคียง
ศูนย์การค้า
1. Central Plaza ลาดพร้าว
2. Union Mall
3. Major Cineplex รัชโยธิน
4. Avenue รัชโยธิน
5. Villa Market รัชโยธิน
6. ตลาดนัดจตุจักร

สถานศึกษา
1. มหาวิทยาลัยเซนต์จอห์น
2. โรงเรียนเซนต์จอห์น
3. มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์

สถานพยาบาล
1. โรงพยาบาลเปาโลเกษตร
2. โรงพยาบาลวิภาวดี

7
หมอประจำบ้าน: โรคด่างขาว (Vitiligo)

โรคด่างขาว เป็นภาวะที่ผิวหนังบางส่วนกลายเป็นรอยด่างขาว เนื่องจากผิวหนังในบริเวณนั้นไม่มีเซลล์สร้างเม็ดสี (melanocyte) จึงไม่สามารถสร้างเม็ดสี (pigment) ได้เป็นปกติเช่นเดียวกับผิวหนังส่วนที่อยู่โดยรอบ

พบได้ประมาณร้อยละ 1 ของคนทั่วไป พบได้ในคนทุกวัย พบมากในช่วงอายุ 10-30 ปี

บางครั้งอาจเกิดร่วมกับโรคภูมิต้านตัวเอง (autoimmune diseases) เช่น ภาวะต่อมไทรอยด์ทำงานเกิน ภาวะขาดไทรอยด์ เบาหวานชนิดที่ 1 โรคแอดดิสัน ผมร่วงเป็นหย่อมไม่ทราบสาเหตุ โรคปวดข้อรูมาตอยด์ เอสแอลอี โซริอาซิส (สะเก็ดเงิน) โรคโลหิตจางชนิดร้ายแรง (pernicious anemia ซึ่งเสี่ยงต่อโรคมะเร็งกระเพาะ) เป็นต้น

ประมาณร้อยละ 30 ของผู้ป่วย อาจพบว่ามีคนในครอบครัวเป็นด้วย

สาเหตุ

ยังไม่ทราบสาเหตุแน่ชัด สันนิษฐานว่าอาจเกี่ยวกับปฏิกิริยาภูมิต้านตนเอง กล่าวคือ ร่างกายมีการสร้างแอนติบอดีต่อเซลล์สร้างเม็ดสี (melanocyte) ทำให้เซลล์สร้างเม็ดสีตาย หรือสร้างเม็ดสี (melanin) ได้น้อยลง) ทำให้ผิวหนังกลายเป็นด่างขาว

นอกจากนี้ยังมีข้อสันนิษฐานอื่น ๆ เช่น อาจมีการกระตุ้นปลายประสาท ทำให้มีการหลั่งสารที่ทำลายเซลล์สร้างเม็ดสีหรือในกระบวนการสร้างเม็ดสี, หรืออาจมีการสะสมของเมตาบอไลต์ (metabolite) บางอย่างที่มีฤทธิ์ทำลายเซลล์สร้างเม็ดสี

ความผิดปกติของการสร้างเม็ดสี นอกจากเกิดที่ผิวหนังแล้วยังอาจเกิดที่เยื่อเมือกในจมูกและช่องปาก เนื้อเยื่อจอตา และส่วนอื่น ๆ ของร่างกายอีกด้วย

อาการ

เป็นผื่นราบสีขาว ขอบเขตชัดเจน มีรูปร่างไม่แน่นอน และมีขนาดต่าง ๆ กันไปตั้งแต่ 1 ซม. ถึง 10 ซม. ซึ่งอาจเกิดที่ส่วนใดส่วนหนึ่งของผิวกายก็ได้ แต่มักจะเริ่มเกิดตรงบริเวณที่สัมผัสถูกแสงแดด เช่น ใบหน้า ริมฝีปาก แขน มือ และหลังเท้า โดยมักจะมีลักษณะการกระจายตัวทั้ง 2 ข้างของร่างกายสมมาตรกัน (เช่น ขึ้นที่หลังมือพร้อมกันทั้งซ้ายและขวา) ขอบของวงด่างขาวจะมีลักษณะโค้งหรือนูนออก จึงทำให้ผิวหนังส่วนที่ปกติที่อยู่โดยรอบมีลักษณะตรงกันข้าม คือ เว้าเข้า ขนหรือผมที่ขึ้นอยู่ในรอยด่างขาวจะกลายเป็นสีขาวเช่นกัน

เมื่อถูกแดด มักจะมีอาการแพ้แดดได้ง่าย ทำให้รอยด่างขาวออกแดงและแสบร้อนได้

แต่โดยปกติจะไม่มีอาการคันหรือปวดแสบปวดร้อนแต่อย่างใด และยังมีการรับรู้ความรู้สึกได้เป็นปกติ (รู้สึกเจ็บเมื่อถูกเข็มแทง)

รอยด่างขาวมักจะลามออกไปอย่างช้า ๆ บางรายจะเป็นเฉพาะที่ บางรายอาจมีรอยด่างขาวกระจายไปเกือบทั่วตัว

ผู้ป่วยอาจมีผม คิ้ว ขนตา และหนวดเครางอกขาว ซึ่งมักเกิดตั้งแต่อายุยังน้อย และมีรอยด่างขาวที่เยื่อเมือกในจมูกและช่องปากร่วมด้วย

บางรายพบว่ารอยด่างขาวสามารถหายได้เองหลังจากเป็นอยู่เป็นแรมเดือนแรมปี ซึ่งก็พบได้เป็นส่วนน้อย


ภาวะแทรกซ้อน

เกิดความรู้สึกว่าไม่สวยงาม ซึ่งอาจทำให้รู้สึกอายหรือมีปมด้อย

นอกจากนี้ อาจทำให้เกิดอาการผิวไหม้จากการถูกแดด (sunburn) ง่าย และยังมีความเสี่ยงมากขึ้นต่อการเป็นโรคตา (เช่น ต้อหิน  ม่านตาอักเสบ) หูตึงจากประสาทหูเสื่อม


การวินิจฉัย

แพทย์จะวินิจฉัยจากอาการและสิ่งตรวจพบ

บางรายแพทย์อาจทำการตัดชิ้นเนื้อของผิวหนังไปตรวจทางห้องปฏิบัติการ และอาจทำการตรวจเลือดดูว่ามีปฏิกิริยาภูมิต้านตัวเอง (ออโตอิมมูน) หรือไม่


การรักษาโดยแพทย์

แพทย์จะให้การดูแลรักษา ดังนี้

ถ้าเป็นไม่มาก ไม่ต้องทำอะไร เพราะไม่มีอันตรายแต่อย่างใด

แต่ถ้าเป็นมากหรือลุกลามจนน่าเกลียด แพทย์อาจให้ยารักษา ได้แก่ ซอลาเรน (psolaren) ซึ่งมีทั้งชนิดกินและทา

สำหรับชนิดกิน ผู้ใหญ่ให้กินครั้งละ 3 เม็ด ในตอนเช้าก่อนจะอาบแดด 2 ชั่วโมง แล้วจึงให้ผิวหนังส่วนที่เป็นด่างขาวอาบแดด (ควรจะเป็นช่วง 09.00 นาฬิกา) ในวันแรกควรอาบนาน 5 นาทีก่อน แล้วครั้งต่อไปค่อย ๆ เพิ่มขึ้นอีกวันละ 5 นาที จนกระทั่งนานเป็น 15-30 นาที ควรทำสัปดาห์ละ 3 วัน

สำหรับชนิดทา มีชนิด 1% ซึ่งแรงไป ควรใช้น้ำผสมเจือจางเป็น 0.1% (ใช้ยา 1 ส่วนผสมน้ำ 9 ส่วน) แล้วใช้พู่กันเล็ก ๆ ทาเฉพาะที่เป็น ทิ้งไว้สัก 1/2-1 ชั่วโมง แล้วจึงอาบแดดตามวิธีดังกล่าว

ควรระวังอย่าอาบแดดนานเกินไป อาจทำให้ผิวหนังพองเป็นตุ่มน้ำได้ อาจต้องใช้ครีมสเตียรอยด์ทาหลังอาบแดดเพื่อป้องกันมิให้ผิวหนังพอง

ถ้ามีตุ่มพอง ควรหยุดใช้ซอลาเรน แล้วทาด้วยครีมสเตียรอยด์จนกว่าจะหาย แล้วจึงเริ่มใช้ซอลาเรนใหม่ แต่ควรลดเวลาอาบแดดลง

ถ้าได้ผล ผิวหนังส่วนนั้นจะเริ่มแดงก่อน ต่อมาจะมีสีคล้ำ โดยเริ่มจากบริเวณรอบ ๆ ขนก่อน แล้วจะค่อย ๆ ขยายกว้างออกไป

ในรายที่ไม่สะดวกที่จะใช้วิธีอาบแดด แพทย์อาจใช้วิธีฉายแสงอัลตราไวโอเลตเอ (UVA) แทนการอาบแดด

ระยะเวลาของการรักษา อาจนานถึง 2-3 ปี บางรายหลังหยุดยา ผิวสีอาจกลับขาวได้อีก

บางราย หากใช้วิธีดังกล่าวไม่ได้ผล อาจต้องเปลี่ยนไปใช้วิธีอื่นแทน เช่น การผ่าตัดปลูกถ่ายผิวหนัง (skin graft)


การดูแลตนเอง

หากสงสัย เช่น มีรอยด่างขาวตามผิวหนัง ควรปรึกษาแพทย์

เมื่อตรวจพบว่าเป็นโรคด่างขาว ควรดูแลตนเอง ดังนี้

    รักษา กินยา และปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์ 
    ติดตามรักษากับแพทย์ตามนัด
    หลีกเลี่ยงปัจจัยที่ทำให้โรคกำเริบมากขึ้น เช่น การออกกลางแดดจ้าหรือถูกแดดมากเกินไป (ถ้าเลี่ยงไม่ได้ให้ทายากันแดด), การสัมผัสสารเคมี, ความเครียด เป็นต้น
    หลีกเลี่ยงการซื้อยาที่นอกเหนือจากที่แพทย์แนะนำมาใช้เอง
    หลีกเลี่ยงการสักบนผิวหนังตามร้านสักทั่วไป อาจทำให้โรคลุกลามมากขึ้นได้


ควรกลับไปพบแพทย์ก่อนนัด ถ้ามีลักษณะข้อใดข้อหนึ่ง ดังต่อไปนี้

    ดูแลรักษาแล้วอาการไม่ทุเลาใน 1-2 สัปดาห์
    ขาดยา ยาหาย หรือกินยาไม่ได้
    ในรายที่แพทย์ให้ยากลับไปกินต่อที่บ้าน กินยาแล้วสงสัยเกิดผลข้างเคียงจากยา เช่น มีลมพิษ ผื่นคัน ตุ่มพุพอง ตาบวม ปากบวม ปวดท้อง ท้องเดิน คลื่นไส้ อาเจียน จุดแดงจ้ำเขียว หรือมีอาการผิดปกติอื่น ๆ


การป้องกัน

ยังไม่มีวิธีป้องกันที่ได้ผล เนื่องจากโรคนี้ยังไม่ทราบสาเหตุที่แน่ชัด

ควรป้องกันไม่ให้โรคลุกลาม โดยการไปพบแพทย์เพื่อรับการตรวจรักษาแต่เนิ่น ๆ เมื่อสังเกตว่ามีอาการที่น่าสงสัย และดูแลรักษาตามคำแนะนำของแพทย์อย่างจริงจัง


ข้อแนะนำ

1. ควรแยกโรคด่างขาวออกจากเกลื้อน โรคเรื้อน และกลากน้ำนม โดยที่โรคด่างขาวมักจะขึ้นกระจายคล้ายคลึงกันทั้ง 2 ข้างของร่างกาย มีขอบเขตชัดเจน ไม่คัน ไม่ชา (เข็มแทงจะรู้สึกเจ็บ) และมักเป็นเรื้อรังตลอดชีวิต

เกลื้อนมักขึ้นเป็นรอยแต้ม ๆ มีสีต่าง ๆ มีขุยบาง ๆ และหลุดออกเมื่อใช้เล็บขูด เมื่อใช้ยารักษาเกลื้อนก็มักจะหายได้เป็นพัก ๆ

โรคเรื้อนจะเป็นวงด่างซึ่งจะไม่มีขน ไม่มีเหงื่อ และชา (หยิกหรือเข็มแทงไม่เจ็บ)

ส่วนกลากน้ำนม มักพบในเด็กและวัยรุ่น วงด่าง มีขอบเขตไม่ชัดเจนและมีขุยบาง ๆ เมื่อโตขึ้นจะหายได้เอง

2. โรคด่างขาวไม่ได้เกิดจากการติดเชื้อ จึงไม่ติดต่อให้ผู้อื่น

3. โรคนี้บางครั้งอาจพบร่วมกับโรคภูมิต้านตัวเองอื่น ๆ (เช่น เบาหวานชนิดที่ 1 ภาวะต่อมไทรอยด์ทำงานเกิน ภาวะขาดไทรอยด์ โรคแอดดิสัน ผมร่วงเป็นหย่อมไม่ทราบสาเหตุ โรคปวดข้อรูมาตอยด์ เอสแอลอี เป็นต้น) และอาจเกิดภาวะแทรกซ้อนทางตาและหู นอกจากดูแลรักษาโรคด่างขาวแล้ว แพทย์จะทำการตรวจดูโรคเหล่านี้ หากพบก็จะให้การดูแลรักษาพร้อมกันไปด้วย

8
รีวิวบ้านใหม่ 2025: วิลล่า โนวา เทพารักษ์ (Villa Nova Teparak)

เยี่ยมชมบ้านเดี่ยว ระดับพรีเมี่ยม ของ บริษัท รสิกา พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด ซึ่งโครงการนี้ตั้งอยู่ในทำเลเทพารักษ์ ซึ่งเป็นทำเลที่มีศักยภาพ เพราะสามารถเชื่อมต่อไปในเส้นทางอื่นได้อย่างสะดวก โดยตัวโครงการเป็นบ้านเดี่ยว 2 ชั้น สไตล์โมเดิร์น พร้อมพื้นที่ใช้สอยครบครัน โครงการที่กล่าวถึงนี้ คือ "วิลล่า โนวา เทพารักษ์ (Villa Nova Teparak)" นั่นเองค่ะ จะน่าสนใจขนาดไหน ลองไปชมรายละเอียดบ้านกันเลยค่ะ

ข้อมูลโครงการ
เจ้าของโครงการ : บริษัท รสิกา พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด
ที่ตั้งโครงการ : ถนนบางพลี-ตำหรุ ตำบลบางพลีใหญ่ อำเภอบางพลี จังหวัดสมุทรปราการ 10540
ขนาดพื้นที่โครงการ : 58 ไร่ 3 งาน 73.00 ตร.ว.
จำนวนบ้านรวม : 266 หลัง
ขนาดที่ดินเริ่ม 50 ตร.ว. ขึ้นไป
ขนาดพื้นที่ใช้สอยตั้งแต่ 119.0 ถึง 171.0 ตร.ม.
ปัจจุบันมีแบบบ้านทั้งหมด 8 แบบ ปัจจุบันเปิดขายอยู่ 3 แบบ
สิ่งอำนวยความสะดวก : สวนสาธารณะ, คลับเฮาส์, สระว่ายน้ำ, ฟิตเนส, รปภ. 24 ชม., CCTV และเข้า-ออกโครงการด้วยระบบ Key Card Access
ราคาเริ่มที่ 4.49 ล้านบาท

เจ้าของและผู้พัฒนาโครงการ
เมื่อวันที่ 21 กุมภาพันธ์ 2548 กลุ่มผู้มีประสบการณ์ และเชี่ยวชาญด้านอสังหาริมทรัพย์รวมตัวกันภายใต้ชื่อ บริษัท รสิกา พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด ด้วยความคิดมุ่งมั่นที่จะมอบสิ่งดีๆ คืนให้แก่สังคม โดยมีจุดเริ่มต้นจากสิ่งเล็กๆ ใกล้ตัวอันได้แก่ครอบครัว จึงมีแนวคิดที่จะสร้างบ้านให้มีคุณภาพ คุ้มค่า คุ้มราคา และเน้นประโยชน์ใช้สอยที่ลงตัว และต่อเนื่อง งานก่อสร้างแข็งแรง ประหยัดพลังงาน ด้วยทุนจดทะเบียน 100 ล้านบาท (ชำระเต็มจำนวน) โดยมีสำนักงานใหญ่ ตั้งอยู่เลขที่ 2445/24 อาคารธารารมณ์ บิสซิเนส ทาวเวอร์ ชั้นที่ 15 ถนนเพชรบุรีตัดใหม่ แขวงบางกะปิ เขตห้วยขวาง กรุงเทพฯ โครงการที่ผ่านมา ได้แก่ วิลล่า การ์เด้น รัตนาธิเบศร์, รสิกา เทพารักษ์ และ วิลล่า พาร์ค รัตนาธิเบศร์ สำหรับโครงการปัจจุบัน ได้แก่ วิลล่า การ์เด้น 3 รัตนาธิเบศร์, วิลล่า โนวา วัชรพล - สายไหม และ วิลล่า โนวา เทพารักษ์

ทำเลที่ตั้ง
โครงการตั้งอยู่บนถนนบางพลี-ตำหรุ ตำบลบางพลีใหญ่ อำเภอบางพลี จังหวัดสมุทรปราการ 10540

ตำแหน่ง GPS โดยประมาณของโครงการ 13.592835, 100.698228

ตลาดสดสุธาวี ห่างจากโครงการประมาณ 950 เมตร

โรงพยาบาลบางพลี ห่างจากโครงการประมาณ 2.0 กม.

Big C บางพลี ห่างจากโครงการประมาณ 2.1 กม.

โรงพยาบาลบางนา 5 ห่างจากโครงการประมาณ 2.7 กม.

Plus Mall ห่างจากโครงการประมาณ 6.0 กม.

การเดินทาง
1. เดินทางด้วยรถยนต์ส่วนตัว
การเดินทางด้วยรถยนต์สามารถมาได้หลายเส้นทาง ตามตัวอย่างเส้นทางดังต่อไปนี้ค่ะ
ขาเข้าโครงการ เส้นทางที่ 1 มาจากถนนบางนา - ตราด


เริ่มต้นบนถนนบางนา-ตราด บริเวณหน้าเซ็นทรัลบางนา

ตรงไปตามถนนบางนา-ตราดเรื่อยๆ จนเจอป้าย สะพานกลับรถ / อ.บางพลี ค่ะ ชิดซ้ายเพื่อเตรียมกลับรถ

บริเวณนี้จะผ่าน ตลาดกิ่งแก้ว และ Makro

พอออกมาเลนด้านนอกแล้ว ให้เตรียมชิดขวาเพื่อขึ้นสะพานกลับรถ

กลับรถมาแล้ว จะผ่านด้านหน้า Market Village

จากนั้นให้เลี้ยวซ้ายค่ะ

เข้าสู่ถนนบางพลี-ตำหรุ ยังคงตรงไปเรื่อยๆ ค่ะ

บริเวณใกล้ๆ กับแยกเทพารักษ์มีการก่อสร้างอยู่ ให้เบี่ยงไปทางซ้าย

จากนั้นเบี่ยงกลับเข้าเลนขวา เข้าสู่ทางยกระดับ

พอถึงแยกเทพารักษ์ เป็นแยกไฟแดงให้ตรงไปตามป้ายเลยค่ะ

ขับตรงไป

จากแยกเทพารักษ์ตรงมาอีกประมาณ 1.2 กม. จะเจอโครงการอยู่ด้านขวามือ
ให้เราชิดขวาไว้ เพื่อเตรียมกลับรถ

ที่กลับรถเลยโครงการมาอีกเพียง 100 เมตรเท่านั้นค่ะ

กลับรถแล้วก็จะเจอโครงการอยู่ด้านซ้ายมือ เลี้ยวเข้าไปได้เลยค่ะ
ขาเข้าโครงการ เส้นทางที่ 2 มาทางถนนลาดกระบัง

ขาออกโครงการ เส้นทางที่ 1 ออกโครงการไปถนนบางนา-ตราด

ขาออกโครงการ เส้นทางที่ 2 ออกโครงการไปถนนลาดกระบัง

2. การเดินทางด้วยรถสาธารณะอื่นๆ
เดินทางด้วยรถไฟฟ้า BTS สายสีเขียวส่วนต่อขยาย แบริ่ง - สมุทรปราการ
โครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียว ช่วงแบริ่ง - สมุทรปราการ เป็นโครงสร้างรถไฟฟ้าแบบยกระดับตลอดเส้นทาง มีระยะทางประมาณ 13 กิโลเมตร เริ่มงานก่อสร้างเมื่อเดือนมีนาคม ปี พ.ศ. 2555 ปัจจุบันมีการเปิดบริการสถานีสำโรงแล้วเมื่อเดือนเมษายน พ.ศ 2560 และคาดว่าจะมีการเปิดบริการเดินรถได้ตลอดสายประมาณเดือนธันวาคม พ.ศ 2561 โดยสถานีที่ใกล้กับโครงการมากที่สุดคือ สถานีเคหะสมุทรปราการ ตั้งอยู่บริเวณซอยเทศบาลบางปู 50

แผนที่แสดงระยะทางจากโครงการไปยังรถไฟฟ้าสายสีเขียว สถานีเคหะสมุทรปราการ

สภาพแวดล้อมใกล้เคียง
โครงการตั้งอยู่ติดกับถนนตำหรุ - บางพลี ซึ่งเป็นถนนใหญ่ขนาด 6 เลน มีเกาะกลางถนน แต่บริเวณหน้าโครงการเกาะกลางถนนเป็นคลองที่ชื่อว่า คลองตรง กั้นอยู่ บริเวณโดยรอบโครงการส่วนใหญ่ เป็นพื้นที่ว่างเปล่ารอการพัฒนาในอนาคต หมู่บ้านจัดสรร และบริษัทโรงงานอยู่เยอะพอสมควร ในบริเวณไม่เกิน 2 กม. ของถนนตำหรุ - บางพลี มีตลาด, เซเว่น อิเลฟเว่น, และร้านอาหารเล็กๆ คอยบริการอยู่ ซึ่งบริเวณถนนเทพารักษ์จะมีความครบครันกว่า แต่ก็อยู่ไม่ไกลจากโครงการ สามารถเดินทางไปได้สะดวกเช่นกันค่ะ

แผนที่แสดงสภาพแวดล้อมโดยรอบโครงการ (คลิกดูภาพใหญ่)

บริเวณด้านหน้าโครงการ เป็นถนนใหญ่ตำหรุ - บางพลี เกาะกลางถนนคั่นด้วยคลองตรง

บรรยากาศด้านขวามือของโครงการ

พื้นที่ด้านข้างเป็นพื้นที่เปล่า

บรรยากาศด้านขวาของโครงการ

ด้านนี้จะมีร้านอาหารคอยบริการอยู่ค่ะ

ตั้งอยู่ติดกับโครงการเลยทีเดียว สามารถเดินออกมาได้อย่างสะดวก
แบบบ้าน และตัวโครงการโดยรวม
โครงการ วิลล่า โนวา เทพารักษ์ (Villa Nova Teparak) เป็นโครงการบ้านเดี่ยว ระดับพรีเมี่ยม ขนาด 2 ชั้น มีทางเข้า-ออกหลักเพียงทางเดียว ติดหน้าถนนบางพลี-ตำหรุ สร้างอยู่บนแปลงที่ดินขนาด 58 ไร่ 3 งาน 73.00 ตร.ว. มีบ้านทั้งหมด 266 หลัง ตรงเข้าโครงการมาจะเห็นคลับเฮ้าส์ตั้งอยู่ด้านหน้าสุดฝั่งขวามือ พร้อมสระว่ายน้ำระบบคลอรีน และฟิตเนส มีพื้นที่สีเขียวเป็นสวนสาธารณะส่วนกลางให้ถึง 2 จุด อยู่ช่วงกลางของโครงการและช่วงท้ายโครงการ รั้วรอบโครงการมีความสูงอยู่ที่ 3 เมตร มีถนนหลักช่วงแรกกว้าง 16-15-12 เมตร ตามลำดับความลึก และถนนภายซอยกว้าง 8 เมตร และ 8.5 เมตร

Master Plan โครงการ วิลล่า โนวา เทพารักษ์ จาก มุมสูง แสดงให้เห็นถึง
ขอบเขตโครงการโดยรวม คลับเฮ้าส์ สวนสาธารณะ บ้านตัวอย่าง และทางเข้า-ออก

ทางเข้าด้านหน้าของโครงการ ติดถนนใหญ่ บางพลี - ตำหรุ จัดสวนให้ทั้งฝั่งซ้ายและขวา

ซุมประตูทางเข้า-ออกหลักมีทางเดียว มีหลังคากันแดด-ฝนให้เฉพาะทางเข้า

ฝั่งขวามือจัดเป็นสวนหย่อมและดูแลตกแต่งอย่างดี พร้อมป้ายชื่อโครงการ วิลล่า โนวา เทพารักษ์ ขนาดใหญ่

ตรงซุ้มประตูทางเข้ามี รปภ. ตลอด 24 ชม. ประตูบานเลื่อนเหล็ก CCTV และมีห้องสำหรับรปภ. กั้นตรงกลาง
ระหว่างทางเข้า-ทางออก สำหรับรถของผู้อยู่อาศัยภายในโครงการจะต้องติดสติกเกอร์นะคะ ส่วนผู้มาติดต่อ
จากภายนอกจะต้องแลกบัตรก่อนค่ะ

ผ่านซุ้มประตูเข้ามาในโครงการฝั่งขวามือ จะเห็นคลับเฮ้าส์ ซึ่งปัจจุบันใช้พื้นที่ด้านหน้าของคลับเฮ้าส์
เป็นสำนักงานขายอยู่ค่ะ และมีที่จอดรถให้สำหรับคนที่มาติดต่อ

ถนนเมนส่วนแรกนี้กว้าง 16 เมตรค่ะ

ตรงเข้ามาเรื่อยๆ จะเห็นถนน และสะพานที่ใช้ขามไปโซนด้านในนะคะ ถนนตั้งแต่ตรงทางแยกนี้กว้าง 15 เมตรค่ะ

สะพานข้ามคลอง รอบๆ กั้นด้วยรั้วหญ้าเทียม

ลงจากสะพานจะเห็นทางโค้งเพื่อตรงไปข้ามสะพานอันที่สอง ด้านซ้ายมือเป็นพื้นที่ขายในอนาคต
ด้านขวามือเป็นพื้นที่ที่ใช้สร้างสวนสาธารณะในอนาคตค่ะ

ข้ามสะพานมาแล้วจะเห็นวงเวียน พื้นที่หลังจากวงเวียนฝั่งซ้ายมือเป็นบ้านที่สร้างเสร็จพร้อมเข้าอยู่แล้ว
ส่วนฝั่งขวามือเตรียมพื้นที่สำหรับก่อสร้างบ้านอยู่ค่ะ ถนนแยกซ้ายและขวากว้าง 12 เมตร

ถนนภายในซอย กว้าง 8 เมตร และ 8.5 เมตร ถนนโซนด้านหลังนี้เชื่อมกันหมดเลยนะคะ ไม่มีซอยตัน

แบบบ้านพร้อม Floor Plan ของทางโครงการมีทั้งหมด 8 แบบ ปัจจุบันเปิดขาย 3 แบบ ดังนี้

1. แบบบ้าน Moline Plus T3+ (B) - บ้านเดี่ยว 2 ชั้น พื้นที่ใช้สอย 193 ตารางเมตร ขนาด 3 ห้องนอน 3 ห้องน้ำ 2 ที่จอดรถ 1 Multi-Finction Room 2 Sky Terrace ระเบียงส่วนตัวขนาดใหญ่ พร้อม Panoramic View

2. แบบบ้าน Mono - บ้านเดี่ยว 2 ชั้น พื้นที่ใช้สอย 139 ตารางเมตร ขนาด 3 ห้องนอน 3 ห้องน้ำ 2 ที่จอดรถ และห้องครัว บ้าน Desing สไตล์ Modern Contemporary ตอบโจทย์ทุกฟังก์ชั่น

3. แบบบ้าน Mona - บ้านเดี่ยว 2 ชั้น พื้นที่ใช้สอย 139 ตารางเมตร ขนาด 3 ห้องนอน 3 ห้องน้ำ 2 ที่จอดรถ และห้องครัว บ้าน New Desing สไตล์ Modern เพิ่มพื้นที่ความสุขให้ทุกคน

ส่วนกลางและสิ่งอำนวยความสะดวก
สวนสาธารณะ 2 แห่ง
คลับเฮาส์
สระว่ายน้ำระบบคลอรีน กว้าง 6.9 เมตร ยาว 14 เมตร
ฟิตเนส
รปภ. 24 ชม.
CCTV

แผนผังแสดงที่ตั้งของสิ่งอำนวยความสะดวกของโครงการ
คลับเฮ้าส์อยู่ด้านหน้าโครงการ สวนสาธารณะอยู่ด้านหลัง

ภาพมุมสูงของคลับเฮ้าส์ ในสระว่ายน้ำ จะเปิดโล่งด้านบน

จากทางเข้าของโครงการ จะเจอกับคลับเฮ้าส์อยู่ด้านขวามือพอดีค่ะ
ปัจจุบันในส่วนที่เป็นพื้นที่ Clubhouse ตรงด้านหน้าโครงการทำเป็น Sales Gallery

เข้ามาดูสระว่ายน้ำกันค่ะ

ด้านข้างเป็นพื้นที่นั่งริมสระ

สระเป็นระบบคลอรีน ขนาด 14 x 6.9 เมตร แยกสระเด็ก สระผู้ใหญ่

สระว่ายน้ำทำหลังคาที่ร่มให้ด้านนึง

ห้องน้ำอยู่ตรงกลาง ระหว่าง Fitness และห้อง Service แบ่งชายหญิงให้เรียบร้อย

เข้ามาดูในส่วนของฟิตเนสกันค่ะ ด้านหน้ามองเห็นวิวสระว่ายน้ำ

อีกด้านเป็นผนังทึบ

ภายในห้องกว้างขวาง วางอุปกรณ์ได้ครบครัน

มาดูบริเวณสวนสาธารณะที่อยู่ด้านหลังสุดของโครงการกันบ้าง

ปลูกต้นไม้เป็นแนวทางเดิน

ปูพื้นหญ้า สลับกับพื้นคอนกรีต

ทำช่องทางเดินไว้ให้ภายในสวน

ประดับประดาด้วยต้นไม้ใหญ่ เพิ่มความร่มรื่น

มุมสำหรับนั่งพักผ่อนหย่อนใจ

บรรยากาศสวนสาธารณะ ขนานกับบ้านเป็นแนวยาวไปจนสุดทางเลยค่ะ

ในส่วนของระบบรักษาความปลอดภัยนั้น บริเวณด้านหน้าโครงการเป็นประตูโครงเหล็ก

มี รปภ. ตลอด 24 ชม. กล้อง CCTV รถเข้า-ออกต้องติดสติกเกอร์

โครงการวิลล่า โนวา เทพารักษ์ มีแบบบ้านทั้งหมด 8 แบบ ปัจจุบันเปิดขายอยู่ 3 แบบ คือ Moline Plus T3+ (B), Mono, Mona วันนี้ทีมงาน CheckRaka.com ขอนำภาพบ้านตัวอย่างพร้อมตกแต่ง และบ้านเปล่ามาตรฐานที่มีชื่อว่า Mono ซึ่งเป็นแบบบ้านเดี่ยว 2 ชั้นมาให้ชมกันค่ะ
แบบบ้าน Mono เป็นบ้านเดี่ยว 2 ชั้น ที่ดินเริ่มต้น 50 ตารางวา พื้นที่ใช้สอย 139 ตารางเมตร ขนาด 3 ห้องนอน 3 ห้องน้ำ 2 ที่จอดรถ และห้องครัว บ้าน Desing สไตล์ Modern Contemporary มีฟังก์ชั่นครบครันทีเดียว

แบบบ้านเปล่ามาตรฐานในแบบนี้ ตัวบ้านสร้างแบบ Precast บ้านที่ขายและใช้ส่งมอบลูกค้าจะเป็นบ้านเปล่าหน้าตาแบบนี้เลยนะคะ ไม่ได้ตกแต่งเฟอร์นิเจอร์ให้ แต่ตัวบ้านจะปูหญ้าให้เต็มพื้นที่ว่าง ติดตั้งผ้าม่านชั้นเดียวให้ แบบบ้าน Mono และ Mona มีฟังก์ชั่นภายในที่เหมือนกัน แตกต่างกันแค่ดีไซน์ภายนอกของบ้าน และสีที่ไม่เหมือนกันค่ะ

ทางเข้าเป็นประตูบานเลื่อนเหล็กแบบโปร่ง เปิดออกเป็นประตูบานเล็กๆ ได้ด้วย รั้วระหว่างบ้านมีความสูง 1.8 เมตร
เป็นกำแพงทึบ หน้าบ้านติดตั้งถังขยะแบบฝังกำแพงมาให้เรียบร้อยแบบนี้เลย

ที่จอดรถสามารถจอดได้ 2 คัน พื้นเป็นซีเมนต์ On Ground ฉาบเรียบยาวไปจนถึงประตูทางเข้า
ไฟเป็นไฟดาวน์ไลท์ มีพื้นที่ด้านข้างบ้าน เดินทะลุไปได้รอบๆ บ้านเลยค่ะ

มองตรงไปจะเห็นตู้เก็บของด้านหน้าบ้าน สามารถเก็บอุปกรณ์ทำความสะอาดบ้านหรือสิ่งของอื่นๆ ได้
ที่จอดรถมีประตูทางเข้าบ้านเปิดเข้าไปได้โดยไม่ต้องเข้าจากประตูหลักนะคะ

ที่จอดรถกับประตูทางเข้าหลักเชื่อมกันด้วยเฉลียงหน้าบ้านที่ทำสเต็ปให้เดินได้สะดวกขึ้น
มีหลังคากันสาดให้ตรงที่จอดรถ และที่ประตูหลักทางเข้าตัวบ้าน

ตรงประตูทางเข้าหลักของบ้าน ตัวพื้นบ้านจะสูงขึ้นมาจากถนนและพื้นด้านนอก เฉลียงด้านหน้าบ้านปูด้วย
กระเบื้องสีน้ำตาล และขาว ประตูบานเลื่อนคู่ และกระจกเขียวตัดแสงทั้งหลัง

เข้ามาข้างในบ้านจะเจอกับโถงชั้นล่าง ความสูงจากพื้นถึงเพดานชั้นล่างอยู่ที่ 2.7 เมตร ส่วนฝ้าที่ให้เป็นฝ้าเรียบ
ดรอปขึ้นตรงกลางเผื่อจะติด Chandelier ไฟเป็นไฟดาวน์ไลท์ ส่วนผนังจะฉาบเรียบพร้อมทาสีขาว
พื้นชั้นล่างเป็นกระเบื้องแกรนิตโต้สีครีม 60 x 60 เซนติเมตร

ผนังฝั่งขวามือมีหน้าต่างบานเลื่อนขนาดใหญ่ให้ ถัดไปเป็นประตูบานเลื่อน สว่างและโล่งมากทีเดียวค่ะ
ผ้าม่านที่เห็นทางโครงการติดให้ด้วยนะคะ สีตามนี้เลยค่ะ

พื้นที่ด้านหลังส่วนนี้สามารถวางโต๊ะรับประทานอาหารขนาด 6-8 ที่ได้สบาย

ระยะของหน้าต่างและประตูบานเลื่อน

บ้านหลังนี้เป็นหลังมุมทำให้ได้พื้นที่ด้านข้างบ้านมากพอสมควร
สามารถจัดเป็นสวน หรือสร้างศาลาพักผ่อนหลังใหญ่เพิ่มได้สบายเลยค่ะ

กลับเข้ามาชมภายในบ้านกันต่อ ถัดจากพื้นที่ที่ใช้วางโต๊ะรับประทานอาหาร คือฟังก์ชั่นห้องครัว ติดกันคือห้องน้ำ

ครัวที่นี่เป็นครัวปิด บ้านที่ส่งมอบลูกค้าจะบิวท์อินเคาน์เตอร์มาให้ครบชุดแบบนี้เลยค่ะ มีซิงค์ล้างจาน Top
ผิวลามิเนตติดตั้งเตาแก๊สมาให้ ภายในครัวยังมีหน้าต่างบานเลื่อนให้ 1 บาน เพื่อเปิดระบายอากาศ
ครัวที่นี่เป็นครัวแยก มีประตูปิดมาให้ ช่วยลดปัญหาเรื่องกลิ่น ควันได้ดีทีเดียว

ประตูด้านหลังส่วนบนเป็นกระจก ช่วยเรื่องรับแสงเข้าภายในห้องครัว สามารถเปิดออกไป
ลานซักล้างหลังบ้านได้ค่ะ

เปิดประตูจากครัวออกมาหลังบ้านจะมีลานซักล้างมาให้ สำหรับบ้านเปล่ามาตรฐานพื้นเป็นซีเมนต์ปูกระเบื้อง
หน้าตาแบบนี้เลยค่ะ ด้านหลังบ้านสามารถเดินทะลุไปรอบๆ บ้านได้ บ้านที่นี่จะติดตั้งแทงค์น้ำ และปั๊มน้ำมาให้ครบ

ติดกับห้องครัวคือห้องน้ำ ภายในห้องน้ำมีหน้าต่างบานกระทุ้งให้ 1 บาน ให้สุขภัณฑ์มาครบ ทั้งอ่างล้างหน้า
และกระจกขนาดตามที่เห็นในรูป มีโถสุขภัณฑ์ ใช้ของ Nahm และฝักบัวของ Karat

เจาะวัสดุภายในห้องน้ำ

ถัดจากห้องน้ำคือประตูที่สามารถเปิดออกไปที่จอดรถได้นะคะ ติดกันคือห้องเก็บของใต้บันได
มีประตูบานใหญ่เปิดได้สะดวก ภายในห้องยังติดตั้งตู้ควบคุมไฟภายในบ้านไว้ด้วย

บันไดทางขึ้นชั้นบน เป็นบันไดโครงสร้างเหล็ก พื้นบันไดและมือจับไม้สำเร็จรูป
วางตัวอยู่ตรงกลางของบ้านพอดี

ขึ้นบันไดมาจะมีชานพักให้แบบสามเหลี่ยมค่ะ มีบานกระทุ้งขนาดเล็ก 3 บาน ตามที่ลูกศรชี้
สามารถเปิดระบายอากาศในส่วนนี้ได้

กระจกรับแสงต่อกันเป็นทรงสูงทำให้ตอนกลางวัน แสงธรรมชาติเข้าส่วนนี้ได้โดยไม่ต้องเปิดไฟ
ประหยัดไฟไปได้อีก

เดินขึ้นมาอีกหน่อยจะเป็นชานพักแบบสี่เหลี่ยม มีทางเข้าห้องนอน 3 อยู่ตรงนี้ ซึ่งเป็นห้องเล่นระดับค่ะ

ห้องนอน 3 ห้องนี้มีหน้าต่างบานเลื่อนให้ 2 บาน พร้อมกระจกเข้ามุมทำให้ห้องดูกว้างขึ้น วางตัวอยู่ฝั่งหน้าบ้าน
มีความสูงจากพื้นห้องถึงฝ้าเพดาน 3.40 เมตร สูงที่สุดในบรรดาห้องทั้งหมดนะคะ เนื่องจากพื้นห้องเล่นระดับ
กินพื้นที่ชั้นล่างมาหน่อย พื้นลามิเนตหนา 8 มม.

ขึ้นบันไดมาอีก 3 ขั้น จะเป็นโถงชั้นบน พื้นลามิเนตหนา 8 มม. เหมือนกันค่ะ ความสูง 2.7 เมตร
 เท่ากับชั้นล่าง มีฟังก์ชั่นห้องตามรูปนี้เลยค่ะ

พามาชมห้องนอน 2 กันต่อนะคะ ห้องนี้มีขนาดเท่ากันกับห้องนอน 3 แต่วางตัวอยู่ฝั่งหลังบ้าน มีหน้าต่าง
บานเลื่อน 1 บาน และมีหน้าต่างบานกระทุ้ง 1 บาน

ห้องน้ำชั้น 2 จะวางตัวอยู่ระหว่าง Master Bedroom และห้องนอน 2 มีฟังก์ชั่นแบบเรียงกันไปเลย
คือ อ่างล้างหน้าพร้อมกระจก โถสุขภัณฑ์ มีฝักบัว ส่วนพื้นสำหรับส่วนเปียกจะลดระดับลงให้เล็กน้อย
และมีบานเลื่อนระบายอากาศให้ 2 บาน ขนาดห้องและสุขภัณฑ์ที่ให้ใกล้เคียงกับห้องน้ำด้านล่างเลยค่ะ

ห้องสุดท้ายที่เราจะพามาชม คือ Master Bedroom ห้องนี้มีขนาดใหญ่ที่สุด วางตัวอยู่ด้านหน้าบ้าน มีหน้าต่าง
บานกระทุ้งด้านบนหัวเตียงเพื่อรับแสง และระบายอากาศให้ 2 บาน พร้อมกระจกเข้ามุมเชื่อมต่อกับหน้าต่าง
บานเลื่อนอีก 1 บาน และมีประตูบานเลื่อนเปิดออกไปนอกระเบียงได้

ภาพหน้าต่าง กระจก และประตูที่แทบจะยาวต่อเนื่องกัน ทำให้ห้องดูสว่าง

ประตูบานเลื่อนขนาดใหญ่เปิดออกไปที่ระเบียงได้

พื้นระเบียงปูด้วยกระเบื้อง ราวกันตกเป็นราวเหล็กทาสี ความยาวระเบียงเท่ากับความกว้าง
ของห้องเลยค่ะ ไฟด้านนอกเป็นโคมไฟ

ถ่ายจากตรงระเบียงมองเข้าไปจะเห็นพื้นที่สำหรับทำ Mini Walk in Closet และทางเข้าห้องน้ำอยู่ส่วนนี้ด้วยค่ะ

พื้นที่ส่วนนี้สามารถบิวท์อินตู้เสื้อผ้าได้นะคะ มีหน้าต่างบานกระทุ้งเปิดออกไประบายอากาศให้ 1 บาน

ห้องน้ำในตัวของ Master Bedroom มีสุขภัณฑ์ให้ครบ และสุขภัณฑ์เหมือนๆ กันกับห้องน้ำชั้นล่าง
แตกต่างกันที่อ่างล้างหน้าของห้องนี้ใช้ของ Mogen และมีตู้เก็บของด้านล่างมาให้ด้วย

เจาะวัสดุภายในห้องน้ำ
บ้านตัวอย่างพร้อมตกแต่ง

บ้านตัวอย่างพร้อมตกแต่งเฟอร์นิเจอร์ทั้งหลัง แบบ Mono สังเกตได้ว่าตัวบ้านออกแบบสไตล์ Modern Contemporary
ทันสมัย เน้นสีและกรอบที่ชัดเจน และดีไซน์ประตู หน้าต่างให้มีขนาดกว้างเพื่อให้แสงธรรมชาติเข้าได้สะดวก

ประตูบานเลื่อนเหล็กแบบโปร่งมองเข้าไปเห็นตัวบ้าน

ถังขยะแบบฝังกำแพงตรงหน้าบ้านดูเรียบร้อยสวยงาม

พื้นที่จอดรถสามารถจอดรถได้ 2 คัน มีหลังคากันสาดยาวออกมาให้จอดรถในร่มได้ 1 คัน
ถัดจากเสากั้นสามารถจอดได้อีก 1 คัน แต่ไม่มีหลังคาให้ จะต้องต่อเติมเองค่ะ

พื้นที่ด้านข้างบ้านกว้างที่เดียว

ด้านหน้าบ้านตัวอย่างจะปูหญ้า จัดสวน ลงต้นไม้และทำทางเดินมาให้
ส่วนบ้านเปล่ามาตรฐานจะปูหญ้าให้เต็มพื้นที่ว่างเท่านั้นค่ะ

ข้างบ้านของแต่ละหลังมีขนาดไม่เท่ากันนะคะ แล้วแต่แปลงที่ดินแต่ละแปลงเลย
แต่ส่วนใหญ่แล้ว ทุกแปลงมีพื้นที่พอจัดสวนเล็กๆ และเดินได้รอบๆ บ้านแน่นอนค่ะ

ทางเข้าบ้านสามารถเข้าได้ 2 ทาง คือเข้าจากประตูตรงที่จอดรถ แล้วเข้าได้จากประตูบานเลื่อนที่เป็นทางเข้าหลัก

ประตูบานเลื่อนทางเข้าหลักของบ้าน

เปิดประตูเข้ามาข้างในบ้านจะเจอกับส่วนพักผ่อน รับแขก
มองตรงไปเป็นพื้นที่รับประทานอาหาร ซึ่งเชื่อมต่อกับส่วนรับแขก

ตรงข้ามโซฟารับแขกคือพื้นที่สำหรับจัดวางทีวี ซึ่งระยะทีวีถึงชุดรับแขกประมาณ 2 เมตรกว่าๆ สามารถวางทีวี
ขนาดใหญ่ ได้เลยนะคะ หรือจะปรับเปลี่ยนพื้นที่ด้านข้างทีวีเป็นชั้นวางของ ตู้เก็บของแบบบ้านตัวอย่าง
สำหรับใช้ประโยชน์ก็ได้ค่ะ

ตรงข้ามกันจะจัดวางโซฟารับแขกไว้โดย สามารถวางโซฟาแบบตัว L ขนาด 3-4 ที่ก็ได้ เผื่อจะได้นอนดูทีวี
แบบสบายๆ มีหน้าต่างบานเลื่อนขนาดใหญ่อยู่ด้านหลัง ทำให้มุมนี้ได้รับแสงธรรมชาติทั้งจากหน้าต่าง
และจากประตูด้านหน้าบ้าน ไม่มืดแน่นอนค่ะ

ถัดจากส่วนรับแขกเป็นส่วนรับประทานอาหาร พื้นที่ส่วนนี้สามารถวางโต๊ะอาหารขนาด 4-6 ที่ได้ค่ะ
มีหน้าต่างบานเลื่อน และประตูบานเลื่อนรับแสงธรรมชาติได้ทั้งสองด้าน ทำให้พื้นที่ส่วนนี้ สว่าง ดูโปร่ง โล่งทีเดียว

ประตูบานเลื่อนเปิดออกไปข้างบ้านได้ และพื้นตรงประตูมีเฉลียงยื่นออกไปเล็กน้อย จะได้เดินเข้า-ออกได้สะดวกขึ้น

เฉลียงด้านข้างบ้านปูด้วยกระเบื้อง และลดระดับลงมาจากพื้นบ้านพอสมควร

ฟังก์ชั่นบ้านชั้นล่าง

ด้านหน้าห้องครัว มีโต๊ะยาวๆ เปรียบเสมือน Pantry ไว้สำหรับเตรียมอาหาร สำหรับบ้านเปล่าจริงๆ ไม่มี Pantry มาให้
จะเป็นพื้นที่โล่งๆ เลย ถ้าหากเราตัดโต๊ะนี้ออกไป ก็จะขยายพื้นที่โต๊ะรับประทานอาหารเพิ่มขึ้นมาได้อีกค่ะ

ครัวที่นี่เป็นครัวแยก ภายในห้องมีหน้าต่างบานเลื่อนให้ 1 บาน และมีประตูเปิดออกไปลานซักล้างหลังบ้าน

ครัวบิวท์อินเคาน์เตอร์มาให้ครบชุดแบบนี้เลยค่ะ มีซิงค์ล้างจาน Top ผิวลามิเนต ติดตั้งเตาแก๊สมาให้ 2 หัว
ตู้ชั้นวางของด้านบนก็ให้ด้วยค่ะ

ประตูที่เปิดออกไปลานซักล้างหลังบ้าน

เปิดประตูจากครัวออกมาหลังบ้านจะมีลานซักล้างมาให้ พื้นเป็นซีเมนต์ปูกระเบื้อง

กลับเข้ามาดูห้องน้ำชั้นล่างที่อยู่ติดกับครัว ให้สุขภัณฑ์มาครบ หน้าตาเหมือนกับบ้านเปล่ามาตรฐานค่ะ

ส่วนเปียกทำพื้นลดระดับไว้

ถัดจากห้องน้ำ จะเห็นประตูที่เปิดออกไปส่วนที่จอดรถ และลึกเข้าไปข้างใน คือห้องเก็บของใต้บันไดค่ะ

บันไดทางขึ้นชั้น 2 เป็นบันไดโครงสร้างเหล็กขนาดมาตรฐาน

มีชานพักและช่องแสงขนาดใหญ่ตรงโถงบันได ช่วยให้แสงสว่างเข้ามาได้ดีทีเดียว

ก่อนถึงชั้น 2 จะมีชานพักเล่นระดับ เป็นทางเข้าห้องนอน 3 ค่ะ

ฟังก์ชั่นของชั้น 2 เริ่มจากห้องนอน 3

ห้องนอน 3 สามารถตกแต่งไว้เป็นห้องนอน ห้องทำงานหรือห้องพักผ่อนอ่านหนังสือก็ได้นะคะ

ภายในห้องวางเตียงขนาด 3.5 ฟุต ตู้เสื้อผ้า โต๊ะทำงาน และชั้นวางของได้พอดี

โถงชั้น 2

ห้องนอน 2 ทางโครงการตกแต่งเป็นห้องนอนคุณลูกๆ มีพื้นที่พอให้วางตู้และเตียงขนาดเล็ก
ตรงปลายเตียงยังวางโต๊ะอ่านหนังสือได้พอดี

ระยะ ระหว่างเตียงนอนกับตู้เสื้อผ้า

ห้องน้ำชั้น 2 ใช้แชร์กันระหว่างห้องนอน 2 และห้องนอน 3 มีฟังก์ชั่นเหมือนห้องน้ำชั้นล่าง
แต่มีหน้าต่างบานกระทุ้ง 2 บาน

Master Bedroom ห้องนี้มีฟังก์ชั่นใช้สอยที่ครบครันที่สุดแล้วค่ะ ทั้งพื้นที่วางเตียงขนาดใหญ่ หน้าต่างหลายบาน
ระเบียงส่วนตัว Mini Walk in Closet และห้องน้ำในตัว

มุมนี้เมื่อจัดวางเตียงขนาดใหญ่แล้ว ยังมีพื้นที่เหลือพอวาง โต๊ะขนาดเล็กข้างเตียงได้อีกด้วย ส่วนตรงหัวเตียง
จะมีหน้าต่างบานกระทุ้งให้ 2 บานนะคะ

มองจากมุมนี้จะเห็นประตูบานเลื่อนบานสูง เชื่อมต่อกับหน้าต่างและกระจก หากเปิดผ้าม่านออกทั้งหมดแล้ว
จะทำให้ห้องดูสว่างมาก ส่วนพื้นที่ปลายเตียงก็ยังเหลือพอให้เดินได้สบาย ผนังตรงปลายเตียงจะทำ
โต๊ะวางทีวีบิวท์อินชั้นวางของ หรือโต๊ะทำงานก็ได้นะคะ

ระเบียงส่วนตัวขนาดไม่กว้างมากนัก

ออกมายืนรับลม ชมวิวได้ค่ะ

มองกลับเข้าไปจะเห็น Mini Walk in Closet และทางเข้าห้องน้ำในตัว

พื้นที่ก่อนถึงห้องน้ำตรงนี้ตั้งโต๊ะเครื่องแป้งแบบบ้านตัวอย่าง หรือปรับเปลี่ยนเป็นโต๊ะทำงาน อ่านหนังสือก็ได้นะคะ

ห้องน้ำส่วนตัวก็ให้สุขภัณฑ์ครบเลยค่ะ

พื้นส่วนเปียกลดระดับลงให้เล็กน้อย น้ำจะได้ไม่ไหลย้อนไปส่วนอื่น
ราคาและค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องโดยประมาณ

ตัวอย่างค่าใช้จ่าย
บ้านเดี่ยว 2 ชั้น เนื้อที่ดิน 52.2 ตร.ว. พื้นที่ใช้สอย 141 ตร.ม.
ราคาปกติ 4.98 ล้านบาท ราคาพิเศษ 4.59 บาท
เงินจอง 20,000 บาท
เงินทำสัญญา 80,000 บาท
รวมเงินดาวน์ 100,000 บาท
ผ่อนธนาคาร MRR = 6%
- 25 ปี 28,300 บาท
- 30 ปี 26,400 บาท

หมายเหตุ
1. กำหนด ทำสัญญาภายใน 7 วันนับจากวันจอง และโอนกรรมสิทธิ์ทันทีเมื่อบ้านสร้างเสร็จ
2. ค่าบริการสาธารณะจัดเก็บตารางวาละ 25 บาท ชำระล่วงหน้า 2 ปี
3. ค่าธรรมเนียมและค่าอากรในการโอนกรรมสิทธิ์ ผู้ซื้อและผู้ขายชำระเท่ากันทั้งสองฝ่าย
4. ค่าติดตั้งและเงินประกันการติดตั้งมิเตอร์ประปา, มิเตอร์ไฟฟ้า และค่าจดจำนอง ผู้ซื้อเป็นผู้ชำระ
5. บริษัทฯ ขอสงวนสิทธิ์ในการเปลี่ยนแปลงราคา และเงื่อนไขข้างยต้น โดยมิต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า

9
การจัดฟันเด็ก เด็กควรที่ปฏิบัติตัวอย่างไร เพื่อให้การจัดฟันมีผลการรักษาที่มีประสิทธิภาพ
 
ในเรื่องของสุขภาพช่องปากและฟันของลูกนั้น มีความสำคัญมากต่อการใช้ชีวิตประจำวัน เพราะถ้าหากเด็กมีสุขภาพช่องปากและฟันที่ดี ก็จะสามารถทำกิจกรรมได้อย่างเต็มที่ และยังเป็นการช่วยส่งเสริมในเรื่องของพัฒนาการของเด็กได้อย่างดีเลยทีเดียว ดังนั้น พ่อแม่ผู้ปกครองควรที่จะดูแลเอาใจใส่ในเรื่องของสุขภาพฟันของลูกให้มากเป้นพิเศษ เพราะฟันของลูกเรานั้น จะอยู่กับเขาไปตลอดชีวิต ถ้าหากเด็กมีปัญหาเกี่ยวกับช่องปากและฟัน


ควรที่จะพาเด็กเข้ารับการตรวจฟันกับทันตแพทย์เพื่อทำการรักษาทันที หากปล่อไว้จนเด็กโตขึ้น ปัญหาดังกล่าวอาจจะลุกลามไปจนขึ้นขั้นเป็นปัญหาที่ยากจะแก้ไขได้ ที่สำคัญถ้าหากเด็กมีปัญหาเกี่ยวกับรูปร่างของฟัน ก็ควรที่จะพาเด็กเข้าพบทันตแพทย์จัดฟัน เพื่อเข้ารับการแก้ไขปัญหาทันที เพราะการจัดฟันในเด็กนั้น สามารถแก้ไขปัญหาได้ในระยะยาว ทั้งยังช่วยส่งเสริมให้เด็กรู้จักวิธีการแปรงฟัน การดูแลรักษาคาวมสะอาดช่องปากและฟันตั้งแต่อายุยังน้อยด้วย


ถือว่ามีประโยน์ต่อตัวเด้กมากเลยทีเดียว ดังนั้น พ่อแม่ไม่ควรมองข้ามในเรื่องของฟันของเด็ก แต่พ่อปม่หลายคนอาจจะมีความกังวลเพราะค่าใช้จ่ายในการจัดฟันในเด็ก ก็มีราคาค่อนข้างสูง กลัวว่าเมื่อเด็กเข้ารับการจัดฟันแล้ว จะต้องปฏิบัติตัวอย่างไร เพื่อไม่ให้เด็กเสียเวลาที่จะต้องเข้ารับการจัดฟันใหม่ หรือปฏิบัติตัวอย่างไรให้มีผลการรักษาที่มีประสิทธิภาพ
 
วันนี้เราจะมาพูดถึงการปฏิบัติตัวของเด็ก ที่จะช่วยทำให้มีผลการรักษาในการจัดฟันในเด็กทีมีประสิทธิภาพ และสามารถใช้งานได้จริง ช่วยแก้ไขปัญหาได้ในระยะยาว สำหรับขอแรกหลายคนคงจะทราบกันดีอยู่แล้ว ผู้เข้ารับการจัดฟันนั้น ไม่ว่าจะเป้นการจัดฟันในรูปแบบใด ในเรื่องของการทำความสะอาดก้จะยากกว่าคนทั่วไป เพราะเรามีเครื่องมือการจัดฟันติดตั้งอยู่ภายในช่องปาก

จึงมีความจำเป้นที่จะต้องทำความสะอาดช่องปากและฟันให้ดีมากเป็นพิเศษ พ่อแม่ผู้ปกครองบางคนอาจจะคิดว่า การจัดฟันของเด็กเป็นเรื่องที่ยุ่งยาก เด็กๆอาจจะปฏิบัติตัวขณะจัดฟันได้ไม่ถูกต้องหรือมีคาวมยุ่งยากในการใช้ชีวิตประจำวัน แต่ต้องบอกก่อนว่า เด็กทุกคนสามารถปรับตัวได้ และการจัดฟันก็ไม่ได้ยุ่งยากอย่างที่หลายคนคิด เพราะจริงๆ แล้วการจัดฟัน มีหลักปฏิบัติง่ายๆ อยู่ 4 อย่างเท่านั้นเอง ซึ่งก็ได้แก่ แปรงฟันให้สะอาดอยู่เสมอ เข้ามาปรับเครื่องมือตามที่ทันตแพทย์จัดฟันนัด ปฏิบัติตามคำแนะนำของทันตแพทย์อย่างเคร่งครัด

ระวังอย่าให้เครื่องมือหลุด เลือกรับประทานอาหารที่มีประโยชน์และเหมาะสม เพราะการที่เรารับประทานอาหารที่มีความแข็งเกินไป เช่นลูกอม ซึ่งอาจจะทำให้เกิดความเสียหายของเครื่องมือการจัดฟันได้ ที่สำคัญภายหลังจากการจัดฟันเสร็จเรียบร้อยแล้ว ควรใส่เครื่องมือคงสภาพฟัน ซึ่งข้อปฏิบัติเหล่านี้อาจจะทำให้ชีวิตอาจยุ่งยากขึ้นบ้าง
แต่ก็คงไม่มีอะไรเกินความสามารถ และในขณะจัดฟัน เด็กๆ ก็ยังสามารถรับประทานอาหารและเล่นกีฬาที่พวกเขาชื่นชอบได้ เพียงแต่ต้องระวังนิดหน่อยเท่านั้นเอง เพียงเท่านี้ก็จะทำให้เด็กมีผลการรักษาด้วยการจัดฟันในเด็ก ที่มีประสิทธิภาพ สามารถมีฟันที่สวยงามได้แล้ว นอกจากจะชช่วยในเรื่องของสุขภาพช่องปากและฟันแล้ว การจัดฟันในเด็กยังช่วยเสริมสร้างบุคลิกภาพของเด็กได้อีกด้วย ทำให้เด็กมีคาวมมั่นใจมากยิ่งขึ้น มีรอยยิ้มที่สดใส สมวัยได้
 
สำหรับพ่อแม่ผู้ปกครองท่านใด อยากพาบุตรหลาของท่านเข้ารับการรักษาด้วยการจัดฟันในเด็ก ก็สามารถติดต่อขอรับคำแนะนำได้ที่คลินิก เพราะทางเรามีทันตแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญในด้านการจัดฟันในเด็ก และมีประสบการณ์มาอย่างยาวนาน จึงมั่นใจได้ว่า บุตรหลานของท่านจะมีฟันที่เรียงตัวกันอย่างสวยงาม สามารถบดเคี้ยวอาหารได้ดี และมีพัฒนาการที่ดีขึ้นได้อย่างแน่นอน และยังช่วยทำให้สสามารถใช้ชีวิตประจำวันได้อย่างเต็มที่มีความสุขได้

10
ผลกระทบที่เกิดขึ้นจากเสียงดัง
ในโรงงานอุตสาหกรรม
โรงงานหรือสถานประกอบกิจการที่มีปัญหาด้านเสียงเกินค่ามาตรฐาน อาจสร้างผลกระทบทั้งด้านอาชีวอนามัยและความปลอดภัยในการทำงานต่อพนักงานในโรงงานเอง หรืออาจก่อให้เกิดมลพิษทางเสียงต่อชุมชนและสภาพแวดล้อมที่อยู่ด้านนอกโรงงาน หากเจ้าของแหล่งกำเนิดเสียงหรือผู้เกี่ยวข้องปล่อยปละละเลย ไม่จัดทำโครงการควบคุมเสียงหรือแก้ไขปัญหาดังกล่าวไม่สำเร็จ จะทำให้มีผลกระทบตามมา เช่น
•   เป็นผู้กระทำผิดกฎหมายด้านเสียง มีทั้งโทษปรับและจำคุก
•   ลูกจ้างอาจเกิดภาวะสูญเสียการได้ยินแบบชั่วคราวหรือแบบถาวร
•   ประสิทธิภาพการทำงานของพนักงานลดลงจากเสียงเกินค่ามาตรฐาน
•   ถูกร้องเรียนจากชุมชนหรือผู้ได้รับผลกระทบทางเสียงที่อยู่นอกโรงงาน
•   โรงงานหรือสถานประกอบกิจการอาจถูกสั่งปิดปรับปรุง จนกว่าจะแก้ไขแล้วเสร็จ

ทำไมต้องใช้บริการจาก
“NEWTECH INSULATION” ในการควบคุมเสียง?
ด้วยประสบการณ์กว่า 15 ปี ในการควบคุมเสียงอุตสาหกรรม เรามีความพร้อมทั้งด้านบุคลากรเฉพาะทางที่มีความรู้ด้านเสียงและความสั่นสะเทือน เครื่องมืออันทันสมัยที่ได้มาตรฐานตามที่กฎหมายกำหนด รวมถึงประสบการณ์ด้านการแก้ไขปัญหาเสียงอุตสาหกรรมที่มีทั้งในและต่างประเทศ ผู้ใช้บริการจึงมั่นใจได้ว่าปัญหาด้านเสียงในโรงงานหรือสถานประกอบกิจการจะได้รับการแก้ไขได้อย่างตรงจุด ด้วยค่าใช้จ่ายที่น้อยที่สุด เพราะเราเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการควบคุมเสียงในอุตสาหกรรม
– บริษัทฯ ขึ้นทะเบียนและได้รับใบอนุญาตเป็นนิติบุคคลผู้ให้บริการตรวจวัดและวิเคราะห์สภาวะการทำงานเกี่ยวกับระดับเสียง โดยกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน
– บุคลากรของบริษัทฯ ได้รับใบอนุญาตเป็นผู้ควบคุมมลพิษเสียงและความสั่นสะเทือน จากสภาวิชาชีพวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
– มีทีมงานที่มากประสบการณ์และความรู้ ได้แก่ วิศวกร นักสิ่งแวดล้อมอุตสาหกรรม เจ้าหน้าที่ความปลอดภัยในการทำงาน ช่างเทคนิค รวมไปถึงช่างประกอบและติดตั้งระบบควบคุมเสียง
– มีเครื่องมือที่ได้มาตรฐานไว้ให้บริการทั้งด้านฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์
– มีสินค้าสำหรับควบคุมเสียงและความสั่นสะเทือนให้เลือกหลากหลายรูปแบบ เช่น ผนังกันเสียง ห้องเก็บเสียง ม่านกันเสียง ตู้ครอบลดเสียง แจ็คเก็ตลดเสียง ไซเลนเซอร์ อคูสติคลูเวอร์ อุปกรณ์แยกความสั่นสะเทือน เป็นต้น
– มีการประเมินหรือทำตัวแบบจำลองระดับเสียง ก่อน-หลัง ปรับปรุงให้ลูกค้าใช้เป็นข้อมูลในการตัดสินใจ ช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายและเวลาในการแก้ปัญหาด้านเสียง
– รับประกันระดับเสียงที่ลดลง อยู่ในเกณฑ์ที่กฎหมายกำหนด
– รับประกันคุณภาพสินค้าและฝีมือการติดตั้งทุกงาน

บริษัท นิวเทค อินซูเลชั่น จำกัด
ผู้เชี่ยวชาญด้านการควบคุมเสียงในโรงงานอุตสาหกรรม
จากประสบการณ์ในการแก้ไขปัญหาด้านเสียงมายาวนาน ไม่ว่าจะเป็นเสียงทางอาชีวอนามัยและความปลอดภัยในการทำงาน และเสียงทางสิ่งแวดล้อม
ทางบริษัทฯ ยินดีให้คำแนะนำที่ทำได้จริงสำหรับการแก้ปัญหาด้านมลภาวะทางเสียงที่เกิดขึ้น เพื่อให้ทั้งโรงงาน พนักงาน หรือชุมชนโดยรอบอยู่ร่วมกันได้
“เพราะเรา…เข้าใจเรื่องเสียง”

สนใจสั่งซื้อ
เบอร์โทร:  02-583-8035 , 02-583-8034, 098-995-4650
E-mail: contact@newtechinsulation.com
Line ID: @newtechinsulation
Facebook: newtechthai
Instagram: newtechinsulation
เว็บไซด์: https://www.noisecontrol365.com/



11
ปล่อยรถไมล์น้อย HONDA CITY 1.0 RS ปี 2024 ผ่อนสูงสุด 84 เดือน

ฮอนด้า Honda City Turbo RS
HONDA CITY TURBO RS ยกระดับความสปอร์ตยิ่งขึ้นด้วยดีไซน์ใหม่รอบคัน กับดีไซน์ภายนอกที่เสริมความสปอร์ตพรีเมียมยิ่งขึ้น และภายในที่กว้างขวาง สะดวกสบายในทุกที่นั่ง พร้อมฟังก์ชันการใช้งานที่ตอบโจทย์การใช้ชีวิตของคนยุคใหม่ กับขุมพลัง VTEC TURBO 1.0 ลิตร ที่มอบกำลังสูงสุด 122 แรงม้า ที่พร้อมตอบโจทย์การใช้งานด้วยการขับขี่ที่แรง เร้าใจ และสะดวกสบายเกินคลาสพร้อมตอบสนองทุกการเดินทาง และประหยัดน้ำมันสูงถึง 23.8 กิโลเมตร/ลิตร มั่นใจทุกการขับขี่กับเทคโนโลยีความปลอดภัยอัจฉริยะ ฮอนด้า เซนส์ซิ่ง (Honda SENSING) ที่ติดตั้งในทุกรุ่นย่อย

หมายเหตุ : รายละเอียดของรถยนตอ์าจมีการเปลี่ยนแปลงภายหลัง

รถผู้บริหาร รถทดลองขับ ไมล์น้อย ราคาและโปรโมชั่นพิเศษ

โปรโมชั่นพิเศษ
ตั้งแต่ 9 พ.ค. - 31 พ.ค. 2568
ดอกเบี้ยเริ่มต้น 1.29% ตลอดอายุสัญญา, ยอดจัดไม่เกิน 300,000 - 600,000
ผ่อนสูงสุด 84 เดือน,ค่าดำเนินการแคมเปญ 20,000 บาท (รวมในยอดจัดได้)

ราคาพิเศษ 549,000 บาท

สนใจสอบถา มรายละเอียดกดลิ้ง https://www.checkraka.com/flashdeal/car

ข้อมูลทั่วไป

เครื่องยนต์                        ดับเบิลโอเวอร์เฮดแคมชาฟท์ (DOHC) 3 สูบ 12 วาล์ว VTEC TURBO 988 ซีซี ให้กำลังสูงสุด 122 แรงม้า ที่ 5,500 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 173 นิวตัน-เมตร ที่ 2,000 - 4,500 รอบต่อนาที
ขนาดเครื่องยนต์ (CC)         988 CC
กำลังเครื่องยนต์ (แรงม้า)      122 แรงม้า
ระบบเกียร์                        เกียร์ออโต้แบบ CVT
รูปแบบเกียร์                     
ระบบเบรค ABS                  มี
ประเภทน้ำมันเชื้อเพลิง         เบนซิน 95,เบนซิน 91,แก๊สโซฮอล์ 95 (E10),แก๊สโซฮอล์ 91,เบนซิน E20
ความจุถังน้ำมัน (ลิตร)         40 ลิตร
ระบบจ่ายน้ำมัน                 หัวฉีดมัลติพอยท์ PGM-FI
น้ำหนักตัวรถ                    1,174 กก.
ประเภทยางรถยนต์              -
ขนาดล้อ (นิ้ว)                 ล้ออัลลอย (แบบทูโทนสไตล์สปอร์ต)
ระบบขับเคลื่อน                ขับเคลื่อนล้อหน้า


12
ทำความเข้าใจมาตรฐานหลักที่เกี่ยวข้องกับท่อลมร้อน

การทำความเข้าใจมาตรฐานหลักที่เกี่ยวข้องกับ ท่อลมร้อน (Hot Air Ducts) เป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งในการออกแบบ, เลือกใช้วัสดุ, ติดตั้ง, และบำรุงรักษาระบบระบายอากาศหรือระบบปรับอากาศในอาคารและโรงงานอุตสาหกรรม เพื่อให้มั่นใจในด้านประสิทธิภาพ, ความปลอดภัย, และการประหยัดพลังงาน

มาตรฐานเหล่านี้จะครอบคลุมตั้งแต่คุณสมบัติของวัสดุที่ใช้ทำท่อ, วิธีการก่อสร้างท่อ, การทดสอบการรั่วไหล, การป้องกันเพลิงไหม้, ไปจนถึงการติดตั้งและการบำรุงรักษา

กลุ่มมาตรฐานหลักที่เกี่ยวข้องกับท่อลมร้อน

โดยทั่วไป มาตรฐานจะมาจากองค์กรหลักๆ ทั่วโลก และอาจมีการอ้างอิงถึงกันหรือมีความคล้ายคลึงกันในหลักการ:

1. มาตรฐานสำหรับงานท่อลมและระบบ HVAC โดยทั่วไป (General Ductwork & HVAC Standards)

SMACNA (Sheet Metal and Air Conditioning Contractors' National Association - สหรัฐอเมริกา):

SMACNA HVAC Duct Construction Standards – Metal and Flexible: เป็นมาตรฐานที่ใช้กันอย่างแพร่หลายทั่วโลกสำหรับการออกแบบ, การผลิต, และการติดตั้งท่อลมโลหะและท่อลมยืดหยุ่นในระบบ HVAC ครอบคลุมเรื่องของความหนาวัสดุ, การเสริมแรง, การเชื่อมต่อ, และการซีลรอยรั่ว
SMACNA Duct Leakage Test Manual: กำหนดวิธีการทดสอบการรั่วไหลของท่อลม เพื่อให้มั่นใจว่าระบบส่งลมมีประสิทธิภาพและประหยัดพลังงาน การรั่วไหลในท่อลมร้อนอาจทำให้เกิดการสูญเสียความร้อนและพลังงานอย่างมาก
ASHRAE (American Society of Heating, Refrigerating and Air-Conditioning Engineers - สหรัฐอเมริกา):

ASHRAE Standards (เช่น ASHRAE 62.1: Ventilation for Acceptable Indoor Air Quality): แม้จะไม่ได้เจาะจงที่ท่อลมร้อนโดยตรง แต่จะกำหนดข้อกำหนดด้านปริมาณลมระบายอากาศที่เหมาะสม, คุณภาพอากาศภายในอาคาร ซึ่งเป็นปัจจัยที่ส่งผลต่อการออกแบบและขนาดของท่อลมทั้งหมด
ISO (International Organization for Standardization):

ISO 16890 (Air filters for general ventilation): เกี่ยวข้องกับการกรองอากาศก่อนเข้าสู่ระบบท่อลม
ISO 17772 (Energy performance of buildings – Indoor environmental quality): เกี่ยวข้องกับคุณภาพสิ่งแวดล้อมภายในอาคารที่ระบบท่อลมส่งผลถึง
โดยตรงกับท่อลมร้อนอาจมีมาตรฐานย่อยที่เฉพาะเจาะจง หรือบางมาตรฐานของยุโรปอาจมีการอ้างอิงมาจาก ISO ด้วย


2. มาตรฐานด้านความปลอดภัยจากอัคคีภัย (Fire Safety Standards)

นี่คือกลุ่มมาตรฐานที่สำคัญที่สุดสำหรับ "ท่อลมร้อน" เพราะมีความเสี่ยงสูงต่อการแพร่กระจายไฟและควัน

NFPA (National Fire Protection Association - สหรัฐอเมริกา):

NFPA 90A: Standard for the Installation of Air-Conditioning and Ventilating Systems:
เป็นมาตรฐานหลักสำหรับระบบ HVAC ทั้งหมด รวมถึงท่อลมร้อน เน้นการป้องกันการแพร่กระจายของไฟและควันผ่านระบบท่อ
ครอบคลุมข้อกำหนดเกี่ยวกับวัสดุของท่อลม (ต้องไม่ติดไฟ), ฉนวนและวัสดุบุผิว (ต้องมีคุณสมบัติหน่วงไฟ), ระยะห่างจากวัสดุที่ติดไฟได้, การติดตั้ง Fire/Smoke Damper (แดมเปอร์กันไฟ/ควัน) ในตำแหน่งที่ท่อทะลุผ่านผนังกันไฟหรือพื้น
กำหนดให้ท่อลมร้อนที่มีอุณหภูมิสูงกว่า 121°C (250°F) ต้องมีข้อกำหนดพิเศษ เช่น การหุ้มฉนวน หรือระยะห่างที่มากขึ้น
NFPA 90B: Standard for the Installation of Warm Air Heating and Air-Conditioning Systems: คล้ายกับ NFPA 90A แต่เน้นระบบทำความร้อนและปรับอากาศสำหรับที่พักอาศัยและอาคารขนาดเล็ก

UL (Underwriters Laboratories - สหรัฐอเมริกา):

UL 181: Standard for Safety - Factory-Made Air Ducts and Air Connectors: เป็นมาตรฐานที่ใช้ทดสอบท่อลมสำเร็จรูปและข้อต่อท่อลมจากโรงงาน เพื่อประเมินคุณสมบัติการติดไฟ, การลามไฟ, การปล่อยควัน, ความแข็งแรง, และการรั่วไหลภายใต้สภาวะต่างๆ
UL 555 / UL 555S: Fire Dampers / Smoke Dampers: มาตรฐานสำหรับอุปกรณ์แดมเปอร์กันไฟและควัน ที่จำเป็นต้องติดตั้งในท่อลมเมื่อทะลุผ่านผนัง/พื้นกันไฟ
EN (European Norms):

EN 13501-3: Fire classification of construction products and building elements - Part 3: Classification using data from fire resistance tests on products and elements used in the service installation systems: ครอบคลุมการจัดประเภทการทนไฟของระบบบริการติดตั้งในอาคาร ซึ่งรวมถึงท่อลมด้วย
EN 15082: Ventilation for buildings - Ductwork - Measurement of ductwork surface area and determination of leakage rates of circular and rectangular ductwork: เกี่ยวกับการวัดการรั่วไหลของท่อลม
EN 12237: Ventilation for buildings - Ductwork - Strength and leakage of circular sheet metal ducts: กำหนดคุณสมบัติความแข็งแรงและการรั่วไหลของท่อลมโลหะแบบกลม
EN 1505: Ventilation for buildings - Ductwork - Dimensions and mechanical requirements for rectangular sheet metal ducts: กำหนดขนาดและข้อกำหนดทางกลสำหรับท่อลมโลหะแบบสี่เหลี่ยม


3. มาตรฐานวัสดุ (Material Standards)
ASTM (American Society for Testing and Materials): มีมาตรฐานทดสอบวัสดุหลายประเภทที่ใช้ในการผลิตท่อลม เช่น ASTM A653 (เหล็กแผ่นเคลือบสังกะสี), ASTM A240 (สเตนเลสสตีล) และมาตรฐานสำหรับฉนวนกันความร้อน
มาตรฐานผู้ผลิต: ผู้ผลิตวัสดุฉนวนกันความร้อน, ซีลแลนท์, หรือกาว จะมีมาตรฐานเฉพาะสำหรับผลิตภัณฑ์ของตนเองที่ต้องระบุคุณสมบัติการทนไฟ หรือทนอุณหภูมิ


ความสำคัญของการปฏิบัติตามมาตรฐาน
ความปลอดภัย: ลดความเสี่ยงในการเกิดเพลิงไหม้และการแพร่กระจายของควัน ซึ่งเป็นอันตรายต่อชีวิตและทรัพย์สิน
ประสิทธิภาพ: ระบบท่อลมทำงานได้เต็มประสิทธิภาพ ลดการสูญเสียพลังงานความร้อน
การปฏิบัติตามกฎหมาย: การติดตั้งที่ไม่เป็นไปตามมาตรฐานอาจนำไปสู่การไม่ผ่านการตรวจสอบจากหน่วยงานราชการ และมีผลทางกฎหมาย
อายุการใช้งาน: การเลือกใช้วัสดุและการติดตั้งที่ถูกต้องตามมาตรฐานจะช่วยยืดอายุการใช้งานของระบบท่อลมร้อน


ในการทำงานกับท่อลมร้อน สิ่งสำคัญคือการปรึกษาวิศวกรผู้เชี่ยวชาญด้านระบบ HVAC และผู้รับเหมาที่มีประสบการณ์ เพื่อให้มั่นใจว่าการออกแบบและติดตั้งเป็นไปตามมาตรฐานที่เกี่ยวข้องและข้อกำหนดทางกฎหมายของพื้นที่นั้นๆ ครับ

13
ซ่อมบำรุงอาคาร: สิ่งที่ควรระวังในการซ่อมหลังคาคอนกรีต
 
โครงสร้างของหลังคา ถือเป็นโครงสร้างส่วนที่สำคัญของบ้านอย่างมาก ซึ่งหลังคามีหน้าที่กันแดด กันฝนให้กับบ้านของเราและผู้อยู่อาศัย โดยโครงสร้างหลังคาจะต้องมีความแข็งแรงทนทานและรับแรงลมได้ดี ปัญหาหลักๆ ที่มักพบบ่อยสำหรับโครงสร้างหลังคา มักจะเป็นเรื่องของการเกาะยึดของตัวหลังคากับโครงหลังคา เมื่อมีลมพายุพัดมาแรงๆ หลังคาจะเกิดความไม่มั่นคง และมีโอกาสหลุดได้


นอกจากนี้ ปัญหาที่มักพบบ่อยเป็นเรื่องของการรั่วซึม แตกร้าว สาเหตุมักเกิดมาจากวัสดุมุงหลังคา ซึ่งในปัจจุบัน หลายบ้านเลือกใช้กระเบื้องหลังคาคอนกรีต ถือว่าเป็นทางเลือกยอดฮิตในการสร้างบ้านที่มีความทันสมัย สำหรับผู้ที่ต้องการหลังคาบ้านที่ความแข็งแรง พร้อมกับดีไซน์ที่โดดเด่น สวยงาม ทำให้บ้านดูมีความมั่นคงและภาพลักษณ์ที่สมบูรณ์


เนื่องจากกระเบื้องหลังคาคอนกรีตเปี่ยมไปด้วยคุณสมบัติด้านการใช้งานมากมาย ไม่ว่าจะเป็นความแข็งแกร่ง กระเบื้องหลังคาคอนกรีตทนทานต่อสภาพอากาศต่างๆ ลมพายุ แสงแดด ความร้อนและฝนตกที่สามารถรับมือได้เป็นอย่างดี อีกทั้งกระเบื้องหลังคาคอนกรีตยังมีราคาที่ไม่แพง มีขนาดที่พอดี แต่ถ้าหากหลังคาคอนกรีตของเรา เกิดการรั่วซึม เราาจะต้องรับมืออย่างไร วันนี้เราจะมาพูดถึงสิ่งที่เราจะต้องระมัดระวังในการซ่อมหลังคาคอนกรีต เพราะการซ่อมแซมได้ทันเวลาและการบำรุงรักษาตามปกติจะช่วยให้มั่นใจได้ว่าไม่มีความเสียหายโครงสร้าง

 
ปัญหาหลังคารั่วซึม อาจเกิดขึ้นได้กับทุกบ้าน มีหลายสาเหตุ และอาจลุกลามใหญ่โตได้หากไม่รีบแก้ไข ส่วนใหญ่กระเบื้องหลังคาคอนกรีตแบน มักจะมีปัญหาก็คือการรั่วไหลของน้ำ เมื่อมีการรั่วไหลของกระเบื้องหลังคาคอนกรีตราบเรียบ การแก้ไขอย่างรวดเร็วมักใช้วัสดุซีเมนต์หรือซีเมนต์กันน้ำบางชนิดที่บริเวณที่มีการรั่วไหล
เกือบทุกครั้งรอยแตกจะเต็มไปด้วยวัสดุกาวที่คล้ายกันเพื่อป้องกันความเสียหายเพิ่มเติม แต่สิ่งที่ต้องระวังก็คือ การกันน้ำทั้งกระเบื้องหลังคา โดยไม่คำนึงถึงตำแหน่งที่รั่วไหลอยู่ในปัจจุบัน ดังนั้น เราจะต้องทำการตรวจสอบและซ่อมแซมพื้นที่ที่อยู่เหนือรั่วไหล เพื่อไม่ให้เกิดข้อผิดพลาด หากมีการรั่วไหลอย่าจำกัด การตรวจสอบไปยังพื้นที่ที่อยู่เหนือรั่วไหล ต้องตรวจสอบด้านข้างมุมท่อระบายน้ำและที่อื่น ๆ ที่อาจมีความเสี่ยงบางครั้งรอยรั่ว อาจไม่สามารถมองเห็นได้บนพื้นผิว เพราะคอนกรีตซึมผ่านได้ ดังนั้น การระบายน้ำหรือการเก็บรวบรวมน้ำ ณ จุดใดจุดหนึ่งอาจทำให้เกิดการรั่วซึมที่จุดอื่นได้อีก

 
นอกจากนี้ต้องระวังในเรื่องของการรั่วไหลของกระเบื้องคอนกรีต มักจะได้รับการแก้ไขโดยการเปลี่ยนหรือวางตำแหน่งกระเบื้อง ในขณะที่มีความจำเป็นต้องเปลี่ยนกระเบื้องที่แตกและเปลี่ยนตำแหน่งกระเบื้อง หากไม่ได้รับการปรับให้พอดีกับบางครั้งปัญหาที่เกิดขึ้นจริงอยู่ใต้พื้นผิว เมื่อการรั่วไหลเกิดขึ้นในกระเบื้องหลังคากระเบื้องคอนกรีต การซ่อมแซมอาจมีส่วนทำให้เกิดการฉีกขาดอีกครั้ง


ซึ่งอาจจะต้องเอากระเบื้องทั้งหมดออกและวางตำแหน่งใหม่ อย่างไรก็ตาม กระเบื้องหลังคาคอนกรีต ไม่ว่าจะติดตั้งได้อย่างถูกต้องหรือไม่ ก็สามารถเกิดปัญหาขึ้นได้ในระยะยาว เราจึงควรพิจารณาถึงความสำคัญของกระเบื้องหลังคา ความเหมาะสมในการใช้งาน เพื่อให้เกิดปัญหาได้น้อยที่สุด ดังนั้น หากมีปัญหาเกี่ยวกับการซ่อมแซมหรือบำรุงรักษาอาคารบ้านเรือน หรือสถานที่ต่างๆ และไม่สามารถแก้ไขในเบื้องต้นได้ ต้องทำการติดต่อช่างผู้เชี่ยวชาญเข้ามาแก้ไขโดยด่วน เพราะถ้าหากปล่อยไว้ อาจจะทำให้ปัญหาลุกลามมากขึ้น และอาจจะต้องเสียค่าใช้จ่ายที่สูงขึ้น

 
ทางเรา ให้บริการบำรุงรักษาสิ่งอำนวยความสะดวก และระบบเครื่องจักรประกอบอาคารทั้งในอาคารโรงพยาบาล ห้างสรรพสินค้าและที่พักอาศัย โดยให้บริหาร จัดการแบบครบวงจร โดยวิศวกรผู้เชี่ยวชาญและช่างเทคนิคเฉพาะทาง ที่มีประสบการณ์การงาน บำรุงรักษาระดับมืออาชีพ สามารถออกแบบวางแผนการบำรุงรักษาอาคาร  เพื่อให้ลูกค้ามีความสะดวกสบาย และความปลอดภัย รวมไปถึงช่วยให้มีสิ่งแวดล้อมที่ดี ภายในอาคารบ้านเรือนเพื่อตอบโจทย์ความต้องการของคนในยุคปัจจุบันได้เป็นอย่างดี ช่วยป้องกันปัญหาที่อาจจะเกิดขึ้นในระยะยาวได้อย่างมีประสิทธิภาพ

14
หมอออนไลน์: กระดูกซี่โครงหัก (Rib fracture) และภาวะอกรวน (Flail chest)

กระดูกซี่โครงหัก มีความรุนแรงมากน้อยขึ้นกับลักษณะของการบาดเจ็บ ส่วนมากจะไม่มีอาการรุนแรงและค่อย ๆ หายได้เอง ส่วนน้อยอาจมีภาวะแทรกซ้อนร้ายแรง

สาเหตุ

มักเกิดจากแรงกระแทกถูกบริเวณซี่โครงโดยตรง เช่น ถูกตี ถูกเตะ หกล้ม กระแทก ถูกพื้นหรือมุมโต๊ะ ถูกรถชน เป็นต้น


อาการ

ผู้ป่วยจะมีอาการปวดขณะก้มงอ บิดตัวหรือหายใจแรง ๆ และเมื่อใช้นิ้วกดถูกเบา ๆ จะรู้สึกเจ็บ

ถ้ากระดูกหักรุนแรง ทิ่มแทงถูกเนื้อปอด อาจทำให้เกิดภาวะมีลมในโพรงเยื่อหุ้มปอดหรือปอดทะลุ หรือมีเลือดออกในโพรงเยื่อหุ้มปอด (hemothorax) ผู้ป่วยจะมีอาการหอบ ตัวเขียว ไอออกเป็นฟองเลือดสด ๆ หรือช็อก หน้าอกเคาะโปร่ง (ถ้ามีลมในโพรงเยื่อหุ้มปอด) หรือเคาะทึบ (ถ้ามีเลือดในโพรงเยื่อหุ้มปอด)

ถ้ามีบาดแผลที่ผิวหนัง ทะลุถึงในปอด จะมีลมจากภายนอกผ่านบาดแผลเข้าไปในโพรงเยื่อหุ้มปอด ทำให้เกิดภาวะมีลมในโพรงเยื่อหุ้มปอดได้เช่นกัน

ถ้ากระดูกซี่โครงหักหลายแห่ง (มักพบในกรณีที่เกิดจากรถชน รถคว่ำ) อาจทำให้เกิดภาวะอกรวน (flail chest) ซึ่งเป็นกรณีที่กระดูกซี่โครงหักติดต่อกันตั้งแต่ 3 ซี่ขึ้นไป และแต่ละซี่หักมากกว่า 2 ตำแหน่ง การหักนี้อาจหักข้างเดียวหรือทั้งสองข้างของทรวงอก เกิดส่วนที่แยกออกจากผนังทรวงอกเรียกว่า "ส่วนลอย" (floating segment) ทำให้ผนังทรวงอกเสียรูป เกิดการเคลื่อนไหวของทรวงอกที่ผิดปกติ (paradoxical chest movement) จะมีอาการหอบ ตัวเขียว ช็อก และหายใจผิดธรรมดา คือ หน้าอกส่วนนั้นจะยุบลงเวลาหายใจเข้าและโป่งขึ้นเวลาหายใจออก ซึ่งตรงกันข้ามกับหน้าอกส่วนที่ปกติ ส่งผลให้ประสิทธิภาพของการแลกเปลี่ยนก๊าซในปอดลดลงและทำให้เกิดภาวะขาดออกซิเจนได้ ภาวะอกรวนมักเกิดในคนอายุมากกว่า 40 ปีขึ้นไปมากกว่าคนหนุ่มสาว


ภาวะแทรกซ้อน

กระดูกที่หักอาจทิ่มแทงถูกเนื้อปอด ทำให้เกิดภาวะมีเลือดหรือลมในโพรงเยื่อหุ้มปอด หรืออาจเกิดภาวะอกรวนเป็นอันตรายได้


การวินิจฉัย

แพทย์จะวินิจฉัยจากอาการและสิ่งตรวจพบ และตรวจยืนยันโดยการเอกซเรย์


การรักษาโดยแพทย์

แพทย์จะให้การดูแลรักษา ดังนี้

1. ถ้ากระดูกซี่โครงหักแบบธรรมดา ไม่มีภาวะแทรกซ้อน เพียงแต่รู้สึกเจ็บปวดขณะเคลื่อนไหวหรือหายใจแรง ๆ ให้นอนพัก พยายามเคลื่อนไหวให้น้อยที่สุด อย่าหายใจเข้าออกแรง ๆ และให้กินยาแก้ปวด ไม่จำเป็นต้องใช้ผ้าพันหรือเข้าเฝือกรอบหน้าอก อาการเจ็บปวดจะค่อย ๆ ดีขึ้น อาจกินเวลา 1-2 สัปดาห์ และกว่าอาการปวดจะหายขาดอาจกินเวลาเป็นเดือน ๆ

2. ถ้ามีอาการหอบ ตัวเขียว ช็อก หรือสงสัยมีลมหรือเลือดอยู่ในโพรงเยื่อหุ้มปอด หรือสงสัยมีภาวะอกรวน จะต้องรับตัวไว้รักษาในโรงพยาบาล และทำการแก้ไขตามภาวะที่พบ


การดูแลตนเอง

หากสงสัย ควรปรึกษาแพทย์โดยเร็ว

เมื่อได้รับการวินิจฉัยว่ากระดูกหัก ควรดูแลรักษาตามคำแนะนำของแพทย์ และติดตามรักษากับแพทย์ตามนัด


การป้องกัน

ระมัดระวังป้องกันตัวเองในเรื่องการเกิดอุบัติเหตุ และการหกล้ม


ข้อแนะนำ

ผู้ที่มีอาการเจ็บบริเวณซี่โครงตรงที่ถูกแรงกระแทก เวลาเคลื่อนไหวหรือหายใจแรง ๆ ถึงแม้จะไม่มีอาการผิดปกติ (เช่น หายใจลำบากหรือหายใจผิดปกติ) ร่วมด้วย ก็ควรปรึกษาแพทย์เพื่อทำการวินิจฉัยให้แน่ชัด

15
บ้านติดรถไฟฟ้า เดอะ ซิตี้ พระราม 5 - นครอินทร์ 2 (THE CITY Rama 5 - Nakhon In 2)
เริ่มต้น 17.5 ลบ. - 25 ลบ.

เดอะ ซิตี้ พระราม 5 - นครอินทร์ 2 (THE CITY Rama 5 - Nakhon In 2)
THE CITY พระราม 5 - นครอินทร์ 2 โครงการบ้านเดี่ยวหรู ซีรีส์ใหม่ สไตล์ MODERN NEO CLASSIC STYLE จาก เอพี ไทยแลนด์ ใจกลางพระราม 5 บนนครอินทร์ ใกล้เด่นหล้า เชื่อมราชพฤกษ์-กาญจนาฯ

รายละเอียดโครงการ
 ชื่อโครงการ                 เดอะ ซิตี้ พระราม 5 - นครอินทร์ 2 (THE CITY Rama 5 - Nakhon In 2)
 เจ้าของโครงการ            เอพี (ไทยแลนด์)
 แบรนด์ย่อย                 เดอะ ซิตี้
 ราคา                         เริ่มต้น 17.5 ลบ. - 25 ลบ.
 ประเภทบ้าน                บ้านเดี่ยว
 ลักษณะทำเล               บ้านใกล้เมือง
 พื้นที่โครงการ              17 ไร่ 2 งาน 19 ตร.ว.
 จำนวนบ้าน                 53 หลัง
 แบบบ้านทั้งหมด            โปรดสอบถามข้อมูลกับทางโครงการ
  เนื้อที่บ้าน                  ตั้งแต่ 65.9 ตร.ว.
 พื้นที่ใช้สอย                ตั้งแต่ 266 ถึง 380 ตร.ม.
 จำนวนชั้น                    2 ชั้น
 หน้ากว้าง                  โปรดสอบถามข้อมูลกับทางโครงการ
 จำนวนห้องนอน           โปรดสอบถามข้อมูลกับทางโครงการ
 จำนวนที่จอดรถ            ตั้งแแต่ 2 ถึง 3 คัน
 สาธารณูปโภค             สวนสาธารณะ, สระว่ายน้ำ, ฟิตเนส, รปภ., CCTV, อื่นๆ (Lobby, Kids Area), Co-working space

สถานที่ใกล้เคียง
 โซน          นนทบุรี, บางบัวทอง, บางใหญ่, ปากเกร็ด
 ที่ตั้ง          ซอยวัดโพธิ์เอน ถนนนครอินทร์ ตำบลบางขุนกอง อำเภอบางกรวย จังหวัดนนทบุรี 11130

 ขนส่งสาธารณะ
ใกล้รถไฟฟ้า, รถไฟฟ้าสายสีม่วง, สถานี(เตาปูน - ราษฏร์บูรณะ)(ไม่ระบุ)
ใกล้รถไฟฟ้า, รถไฟฟ้าสายสีแดงอ่อน, สถานี(บ้านฉิมพลี - บางซื่อ)(ตลิ่งชัน)
ใกล้ทางด่วน (ทางด่วนศรีรัช ด่านฉิมพลี ด่านตลิ่งชัน)
ใกล้ถนนสายหลัก (ถนนนครอินทร์, ถนนกาญจนาภิเษก, ถนนราชพฤกษ์)

 สถานที่สำคัญใกล้เคียง
ห้างสรรพสินค้า
1. Central Westville ราชพฤกษ์
2. Central Westgate
3. Homepro ราชพฤกษ์
4. The Walk ราชพฤกษ์
5. Crystal ราชพฤกษ์
6. ตลาดพระราม 5

โรงพยาบาล
1. โรงพยาบาลบางใหญ่
2. โรงพยาบาลธนบุรี 2
3. โรงพยาบาลเกษมราษฎร์ รัตนาธิเบศร์
4. โรงพยาบาลเจ้าพระยา
5. โรงพยาบาลพระนั่งเกล้า

สถานศึกษา
โรงเรียนเด่นหล้า พระราม 5
โรงเรียนเทพศิรินทร์ นนทบุรี
โรงเรียนเตรียมอุดม นนทบุรี
โรงเรียนนานาชาติร่วมฤดี

หน้า: [1] 2 3 ... 40
ลงประกาศฟรี โฆษณาฟรี ลงประกาศขายบ้านฟรี ลงประกาศขายบ้าน ขายที่ดิน ขายคอนโด ขายรถ สินค้าอุตสาหกรรม อาหารเสริม เครื่องสำอางค์ แนะนำสถานที่ท่องเที่ยว โปรโมทสินค้าฟรี เว็บประกาศฟรี ติดอันดับ Google