แสดงกระทู้

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.


Messages - siritidaphon

หน้า: [1] 2 3 ... 48
1
“สร้างเงินแสนจากครัวที่บ้าน” สไตล์ครูแมกซ์

จุดเริ่มต้นเพียงแค่ไม่มีใจรักการเป็นลูกน้อง และไม่ชอบการทำงานในองค์กร บวกกับมีความตั้งใจที่ว่า อยากฝึกทักษะการทำอาหารไว้ทำให้คุณพ่อคุณแม่ทานตอนท่านแก่
พร้อมกับคำพูดของคุณแม่ที่ชอบบอกว่า “การขายของมันได้จับเงินทุกวัน” นั่นคือจุดตัดสินใจ

ครูแมกซ์
จุดเริ่มต้นง่ายๆก็เริ่มจากการเรียนรู้จากคุณแม่ของครูแมกซ์เอง ท่านเป็นคนทำอาหารไทยอร่อย และเคยเปิดร้านอาหารมาก่อนตอนครูแมกซ์เด็กๆ
โดยใช้การถาม สังเกตอย่างละเอียด และฝึกชิมรสชาติของอาหารที่แท้จริง (เพราะคุณแม่ไม่เคยชั่งตวงวัดแม่บอกชิมให้เป็นไม่ต้องมาถามสูตร555)
ร่วมกับการเรียนรู้ผ่านสื่อออนไลน์ เช่น ยูทูป ดูทุกวันตลอดระยะเวลา 8-10ปี พร้อมกับการซื้อวัตถุดิบมาลงมือทำจริง ชิมจริง ทำให้คคุณแม่ทานจริง

ครูแมกซ์
จนถึงจุดที่มั่นใจแล้วว่า…จะทำอาหารเพื่อสร้างรายได้เริ่มง่ายๆจากครัวที่บ้าน
จากประสบการณ์ตลอดระยะเวลา15ปี ที่ครูแมกซ์มีรายได้จากอาหาร ไม่ว่าจะเป็นการยืนขายสลัดริมถนนหน้าตึกชาญอิสะ2 เปิดรับออเดอร์ลุกค้าในหมู่บ้าน การพรีออเดอร์ผ่านทางโซเชียลมีเดีย หรือแม้กระทั่งการออกบูทตามห้างดังต่างๆ

ทั้งหมดนี้ผ่านการทำจริง ได้ผลลัพธ์จริงมาทั้งหมดแล้วด้วยตัวครูแมกซ์เองคนเดียว (แบบไม่เลือกการมีลูกน้อง)

จึงมั่นใจมากว่าจากประสบการณ์ทั้งหมดที่ครูแมกซ์สั่งสมมาตลอดจนถึงวันนี้

ไข่เจียว
ครูแมกซ์ได้พิสูจน์แล้วว่า…การสร้างเงินแสนจากครัวที่บ้าน “มันทำได้จริง”
ครูแมกซ์ก็พร้อมที่จะถ่ายทอดทุกสูตรลัด แบไต๋ทุกเคล็ดลับให้คุณแบบหมดเปลือก!!  !!ความตั้งใจนั้นมันก็ได้เกิด”ผลลัพธ์”กับลูกศิษย์ครูแมกซ์เรียบร้อยแล้ว

📌น้องมิ้นท์ นักเรียนคอร์สไพรเวทจับมือทำรอบสด
ลาออกจากงานประจำเพื่อมาเปิดร้านขายอาหาร หลังจากเรียนกับครูแมกซ์ไปเพียงแค่3วัน น้องได้จับเงินบาทแรกจากอาหารทันที!!
โดยเปิดรับพรีออเดอร์จากอาพาร์ทเมนต์ (โดยมีครูแมกซ์เป็นที่ปรึกษาตลอด1เดือนเต็ม) เริ่มจากเมนูง่ายๆที่ครูแมกซ์เลือกให้เป็นเมนูประจำร้าน คือ “เมนูไข่ฟูหมูฉ่ำนัว”

‼️ล่าสุดเพียงแค่ 2เดือน ยอดขายเดือนกุมภาพันธ์ 68
สรุปได้ยอดขาย 60,000 บาท (ทำด้วยตัวคนเดียว)

📌น้องเติ๊ด นักเรียนคอร์สออนไลน์
เป็นพนักงานประจำหัวหน้าแผนกHR อยากหาอาชีพเสริมเพื่อวางแผนลาออกจากงานประจำ หลังจากเรียนคอร์สครูแมกซ์ภายใน 7 วัน น้องได้จับเงินบาทแรกจากอาหารทันที!!
โดยเปิดรับออเดอร์ที่คอนโด เริ่มจากเมนูง่ายๆที่เรียนจากคอร์สสูตรกะเพรา กับ คอร์ส10เมนูไข่ทำง่ายรายได้ปัง เมนูประจำร้าน คือ “เมนูข้าวไข่เจียว ไข่ข้น”
‼️ล่าสุดเพียงแค่ 2เดือน ยอดขายได้มากกว่าเงินเดือนประจำเป็นที่เรียนร้อยแล้ว พร้อมกับยื่นใบลาออก (แต่นายยังไม่อนุมัติ)


สนใจติดต่อสอบถามข้อมูล
ไลน์ ID  :  @krumax
Page FB : https://web.facebook.com/profile.php?id=61569480015186
เว็บไซด์ : https://krumax.net/krumaxcourse/
เบอร์โทร : 081-413-4479


2
ก่อนพาลูกน้อยเข้าจัดฟันเด็ก EF Line ควรคำนึงถึงเรื่องใดบ้าง

ในเรื่องของสุขภาพช่องปากและฟันของเด็กนั้น ถือว่าเป็นเรื่องที่สำคัญมาก ผู้ปกครองไม่ควรละเลย เพราะการที่พ่อแม่ผู้ปกครองละเลยในเรื่องของสุขภาพฟันของลูกน้อย อาจจะทำให้เด็กมีสุขภาพช่องปากและฟันที่ไม่ดี ส่งผลต่อพัฒนาการของเด็กได้ ดังนั้น พ่อแม่ผู้ปกครอง ควรที่จะปลูกฝังให้เด็กรู้จักตระหนักถึงความสำคัญของสุขภาพช่องปาก และฟัน เพราะในวัยเด็ก

แน่นอนว่าไม่มีเด็กคนไหนที่ไม่ชื่นชอบการรับประทานขนมหวาน ลูกอม หรืออาหารที่มีรสหวาน ซึ่งการรับประทานอาหารเหล่านี้เสี่ยงต่อการเกิดฟันผุของเด็กมาก ถ้าหากไม่ได้รับการทำความสะอาดที่ดี จึงไม่แปลกใจว่า ทำไมเด็กจึงเกิดโรคฟันผุได้ง่าย ซึ่งการเกิดฟันผุในเด็กนั้น อาจจะส่งผลกระทบมาจนถึงวัยผู้ใหญ่ได้ เพราะการที่เราไม่ดูแลสุขภาพช่องปากและฟันให้ดีตั้งแต่ยังมีฟันน้ำนม อาจจะทำให้ฟันแท้ของเราที่จะขึ้นมามีรูปร่างและลักษณะการขึ้นของฟันที่มีความผิดปกติได้

ดังนั้น ควรให้ความสนใจในเรื่องของการดูแลฟันตั้งแต่ยังมีฟันน้ำนม เพื่อที่จะได้มีฟันแท้ที่สวยงามและมาเกิดปัญหาในอนาคต แต่ถ้าหากพ่อแม่ผู้ปกครองท่านใดมีบุตรหลานที่มีปัญหาในเรื่องของรูปร่างฟัน การขึ้นของฟันที่มีความผิดปกติ หรือการสบฟันที่ผิดปกติ ก็ควรพาบุตรหลานเข้าพบทันตแพทย์เพื่อเข้ารับการจัดฟัน พ่อแม่ผู้ปกครองควรที่จะสังเกตสัญญาณผิดปกติเหล่านี้ และรีบพาบุตรหลานเข้ารับการแก้ไข ซึ่งหากใครอยากพาบุตรหลานเข้ารับการจัดฟันในเด็ก ด้วยโปรแกรม EF Line ก็สามารถพาบุตรหลานเข้ามารักษาได้ ตั้งแต่อายุ 4-7 ปี แต่เราจะรู้ได้อย่างไรว่า ก่อนที่เราจะพาบุตรหลานเข้าจัดฟัน EF Line เราจะต้องคำนึงถึงเรื่องใดบ้าง และจะต้องปฏิบัติตัวอย่างไร ก่อนเข้ารักษาด้วยการจัดฟัน EF Line และวันนี้เราจะมาพูดถึงการพาบุตรหลานของท่านเข้ารับการจัดฟัน EF Line จะต้องคำนึงถึงเรื่องใดบ้าง

อย่างแรกเลย เราต้องคำนึงถึงตัวเด็กก่อนเป็นอันดับแรก ว่า บุตรหลานของท่านจะสามารถให้ความร่วมมือในการเข้ารับการจัดฟันได้มากน้อยแค่ไหน เพราะเราจะต้องปลูกฝังถึงข้อดีของการที่เข้ารับการจัดฟัน EF Line เพื่อให้ลูกน้อยของเรา สามารถให้ความร่วมมือกับทันตแพทย์จัดฟันได้เป็นอย่างดี  เพื่อให้ผลการรักษาเป็นไปอย่างราบรื่นและมีประสิทธิภาพ สามารถแก้ไขปัญหาได้จริง ต่อมาก็คือ การเลือกสถานบริการทางทันตกรรม โดยพ่อแม่ผู้ปกครองควรที่จะศึกษารายละเอียดในการจัดฟัน EF Line เพื่อเป็นแนวทางในการตัดสินใจเลือกสถานที่เข้ารับการจัดฟัน จะต้องเลือกคลินิกทันตกรรมที่มีความปลอดภัย มีความน่าเชื่อถือ และมีทันตแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญในด้านการจัดฟัน EF Line เพื่อที่จะได้พาบุตรหลานของท่านเข้ารับการรักษาที่มีมาตรฐานและความปลอดภัยมากที่สุด เพราะในเรื่องของความปลอดภัยของบุตรหลานของท่านก็มีความสำคัญไม่แพ้กัน ดังนั้น

ก่อนที่จะพาบุตรหลานของท่านเข้ารับการจัดฟัน EF Line จะเลือกสถานที่ที่มีมาตรฐานความปลอดภัยมากที่สุด ต่อมาในเรื่องของค่าใช้จ่ายในการรักษา ควรศึกษาข้อมูลและรายละเอียดในเรื่องของค่าใช้จ่ายให้ดี ควรวางแผนในเรื่องของราคาของการจัดฟัน EF Line โดยเลือกบริการที่สามารถตอบโจทย์และเหมาะสมกับปัญหาฟันของบุตรหลานของเรา เพื่อให้เข้ากับแนวทางของเราด้วย

ซึ่งเรื่องของค่าใช้จ่าย แน่นอนว่าแต่ละที่ย่อมมีความแตกต่างกัน และสุดท้ายควรคำนึงถึงการสร้างทัศนคติที่ดีในการดูแลรักษาฟันให้ลูกน้อยของท่าน เพื่อที่จะได้ปลูกฝังในเรื่องของสุขภาพช่องปากและฟันให้ดี เพราะเด็กบางคนกลัวการเข้าพบทันตแพทย์ อาจจะกลัวเจ็บ หรือรู้สึกเขินอาย ดังนั้น พ่อแม่ผู้ปกครองควรที่จะพูดทำความเข้าใจให้เด็กรู้สึกว่า เรื่องสุขภาพช่องปากและฟันเป็นเรื่องที่สำคัญที่เราจะต้องดูแลให้มากเป็นพิเศษ

หากพ่อแม่ผู้ปกครองท่านใด สนใจพาบุตรหลานของท่านเข้ารับการจัดฟัน EF Line สามารถติดต่อสอบถามได้ที่คลินิกเพราะทางเรามีทันตแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญในด้านทันตกรรมในเด็ก สามารถให้คำปรึกษาได้อย่างถูกต้องและตรงจุด เพื่อให้เด็กๆทุกคน มีสุขภาพช่องปากและฟันที่ดี เพราะเรื่องสุขภาพฟัน ส่งผลต่อพัฒนาการของลูกน้อยของเรา และจะช่วยทำให้เด็กมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น

3
หมอประจำบ้าน: พิษคางคก (Toad poisoning/Bufotoxins poisoning)

ต่อมเมือกใกล้หู (parotid gland) ของคางคกจะขับเมือก (เรียกว่า ยางคางคก) ที่มีสารพิษ (bufotoxins/toad toxins) ซึ่งประกอบด้วยสารเคมีหลายชนิดที่มีผลต่อระบบต่าง ๆ ของร่างกาย ที่สำคัญ คือ กลุ่มดิจิทาลอยด์ ซึ่งออกฤทธิ์คล้ายดิจิทาลิส ทำให้เกิดพิษร้ายแรงต่อหัวใจถึงเสียชีวิตได้

นอกจากนี้ ยังมีสารสำคัญอื่น ๆ เช่น กลุ่มคาเทโคลามีน (catecholamines) ที่มีผลต่อหัวใจและหลอดเลือด และกลุ่มอินโดลไคลามีน (indolekylamines) ซึ่งมีฤทธิ์ทำให้มีอาการประสาทหลอน

พิษมีอยู่ในหนัง เลือด ไข่ และเครื่องในของคางคกแทบทุกชนิดที่มีในบ้านเรา พิษมีความทนต่อความร้อน การบริโภคคางคกที่ทำให้สุกแล้วก็เกิดพิษได้

เด็กจะทนต่อพิษคางคกได้มากกว่าผู้ใหญ่

ในบ้านเรามีรายงานผู้ที่ป่วยและตายจากการบริโภคคางคกเป็นครั้งคราว


สาเหตุ

เกิดจากการบริโภคคางคกพิษโดยความรู้เท่าไม่ถึงการณ์

อาการ

ผู้ป่วยจะมีอาการแสดงคล้ายได้รับพิษดิจิทาลิสเกินขนาด อาการจะเกิดขึ้นช้า ๆ หลังจากกินคางคกหลายชั่วโมง แรกเริ่มจะมีอาการคลื่นไส้ อาเจียน บางรายอาจมีอาการปวดท้อง ท้องเดินร่วมด้วย

ต่อมาจะอาการอ่อนเพลีย เวียนศีรษะ เห็นภาพเป็นสีเหลือง มีอาการเปลี่ยนแปลงของระดับสติ เริ่มจากอาการสับสน เพ้อ ง่วงซึม มีอาการประสาทหลอน หรืออาการทางจิต จนในที่สุดมีอาการชัก หมดสติ

ที่ร้ายแรง คือ หัวใจเต้นช้าและเต้นผิดจังหวะ ในที่สุดเกิดภาวะหัวใจห้องล่างเต้นระรัว (ventricular fibrillation) และเสียชีวิตในเวลารวดเร็วจากภาวะหัวใจวายหรือการไหลเวียนล้มเหลว


ภาวะแทรกซ้อน

ที่สำคัญ คือ ภาวะหัวใจห้องล่างเต้นระรัว (ventricular fibrillation) ซึ่งเป็นสาเหตุการตายของโรคนี้

นอกจากนี้มักมีภาวะโพแทสเซียมในเลือดสูง


การวินิจฉัย

แพทย์จะวินิจฉัยจากอาการและสิ่งตรวจพบ ดังนี้

มักตรวจพบชีพจรเต้นช้ากว่า 40 ครั้ง/นาที

ในระยะรุนแรง จะพบอาการชัก หมดสติ คลำชีพจรไม่ได้


การรักษาโดยแพทย์

แพทย์จะวินิจฉัยโรคนี้จากลักษณะอาการและประวัติการกินคางคกเป็นสำคัญ ในบางแห่งอาจทำการตรวจหาสารดิจิทาลิสในเลือด และมักจะทำการติดตามประเมินอาการด้วยการตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจ และตรวจหาระดับโพแทสเซียมเป็นระยะ ๆ

การรักษา ให้การรักษาขั้นพื้นฐาน (อ่านเพิ่มเติมที่ "การรักษาขั้นพื้นฐาน (ที่สถานพยาบาล) สำหรับผู้ป่วยที่กินสัตว์หรือพืชพิษ" ด้านล่าง) ถ้าพบว่าคลำชีพจรไม่ได้หรือหยุดหายใจให้ทำการกู้ชีพ

นอกจากนี้จะให้การรักษาแบบประคับประคอง เช่น ในรายที่ชีพจรเต้นช้าให้อะโทรพีน ถ้าไม่ได้ผล อาจต้องใช้เครื่องกระตุ้นหัวใจ (pacemaker)

ในรายที่ภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะให้ยาแก้ไข เช่น ลิโดเคน (lidocaine) เฟนิโทอิน ควินิดีน อะมิโอดาโรน (amiodarone) เป็นต้น

ในรายที่มีระดับโพแทสเซียมในเลือดสูง ให้การรักษาด้วยการฉีดโซเดียมไบคาร์บอเนต กลูโคส และอินซูลิน

ถ้ามี digitalis FAB antibody ควรรีบให้ยานี้ทันที ซึ่งจะช่วยให้พิษหมดเร็ว และรอดชีวิตได้


การรักษาขั้นพื้นฐาน (ที่สถานพยาบาล) สำหรับผู้ป่วยที่กินสัตว์หรือพืชพิษ

1. ถ้าผู้ป่วยกินสัตว์หรือพืชพิษมาไม่เกิน 1 ชั่วโมง และยังไม่อาเจียน รีบทำให้ผู้ป่วยอาเจียนด้วยการให้ไอพีเเคกน้ำเชื่อมหรือใช้นิ้วล้วงคอ

2. ให้ผู้ป่วยกินผงถ่านกัมมันต์ (activated charcoal) ขนาด 1 กรัม/กก. โดยผสมน้ำ 1 แก้ว โดยให้ผู้ป่วยดื่มเอง ถ้าอาเจียนหรือดื่มเองไม่ได้ ให้ป้อนผ่านท่อสวนกระเพาะ (stomach tube) ถ้าผู้ป่วยหมดสติ ควรใส่ท่อช่วยหายใจก่อนเพื่อป้องกันการสำลัก

ควรให้เร็วที่สุดเมื่อพบผู้ป่วย (วิธีนี้จะได้ผลมากที่สุดเมื่อให้กินภายใน 30 นาทีหลังกินสัตว์หรือพืชพิษ) ไม่ควรให้ก่อนหรือหลังให้ยาที่ทำให้อาเจียน

ในรายที่รับพิษร้ายเเรง เช่น ปลาปักเป้า แมงดาถ้วย เห็ดพิษร้ายแรง หรือสงสัยรับพิษปริมาณมาก ควรให้ซ้ำทุก 4 ชั่วโมง

3. ทำการล้างกระเพาะอาหารด้วยน้ำเกลือนอร์มัลหรือน้ำ

วิธีนี้จะได้ผลดี เมื่อผู้ป่วยกินสารพิษมาไม่เกิน 1 ชั่วโมง และไม่มีอาการอาเจียน ถ้าทำหลังกินสารพิษมากกว่า 4 ชั่วโมง อาจไม่ได้ประโยชน์และไม่คุ้มกับผลข้างเคียง (ที่สำคัญคือ การสำลักเข้าปอดทำให้ปอดอักเสบ)

ควรกระทำโดยบุคลากรที่ชำนาญ และในที่ที่มีความพร้อม

ไม่จำเป็นต้องทำ ถ้าผู้ป่วยมีอาการอาเจียนมาก และห้ามทำในผู้ป่วยชัก ไม่ค่อยรู้ตัว หมดสติ

อาจให้ผงถ่านกัมมันต์กินก่อนล้างกระเพาะ หรือผสมผงถ่านกัมมันต์ในน้ำล้างกระเพาะก็ได้

4. ให้ผู้ป่วยดื่มโซเดียมไบคาร์บอเนต ขนาด 2-5% จำนวน 50 มล.

5. ให้กินยาระบาย ซอร์บิทอล (sorbitol) ขนาด 70% อาจกินเดี่ยว ๆ หรือผสมกับผงถ่านกัมมันต์แทนน้ำก็ได้ ถ้าไม่มีอาจให้ยาระบายอื่น ๆ เช่น ยาระบายแมกนีเซีย (Milk of Magnesia) แทน ให้ได้ไม่เกิน 2 ครั้ง

ห้ามทำ ในรายที่มีอาการถ่ายท้องมากอยู่แล้ว หรือมีภาวะขาดน้ำที่ยังไม่ได้รับการทดแทน

6. ให้น้ำเกลือทางหลอดเลือดดำ

7. ถ้าชักฉีดไดอะซีเเพม 5-10 มก.เข้าหลอดเลือดดำ

8. ถ้าหยุดหายใจหรือหายใจไม่ได้ ให้ทำการช่วยเหลือด้วยการเป่าปาก หรือใช้เครื่องช่วยหายใจ

9. ถ้าหมดสติ ให้การรักษาแบบหมดสติ


การดูแลตนเอง

หากสงสัยว่าผู้ป่วยเกิดอาการพิษคางคก ควรทำการปฐมพยาบาลแล้วรีบพาผู้ป่วยไปพบแพทย์ที่โรงพยาบาลทันที

การปฐมพยาบาล สำหรับผู้ป่วยที่กินสารพิษ สัตว์พิษ หรือพืชพิษ

1. รีบทำให้ผู้ป่วยอาเจียน เพื่อขับพิษออก

    ถ้ามียากระตุ้นอาเจียน ได้แก่ ไอพีแคกน้ำเชื่อม (syrup ipecac) ให้กินครั้งละ 15-30 มล. (เด็กโต 15 มล.) และดื่มน้ำตามไป 1 แก้ว ถ้ายังไม่อาเจียนใน 20 นาที กินซ้ำได้อีก 1 ครั้ง
    ถ้าไม่มียา ให้ผู้ป่วยดื่มน้ำ 1 แก้ว แล้วใช้นิ้วล้วงเข้าไปเขี่ยที่ผนังลำคอกระตุ้นให้อาเจียน ถ้าไม่ได้ผลทำซ้ำอีกครั้ง

ควรเก็บเศษอาหารที่อาเจียน ไว้ส่งตรวจวิเคราะห์

วิธีนี้จะได้ผลดี ต้องรีบทำภายใน 1 ชั่วโมงหลังกินสารพิษ และไม่ต้องทำหากผู้ป่วยมีอาการอาเจียนเองอยู่แล้ว

ห้ามทำ ในผู้ป่วยที่ชัก ไม่ค่อยรู้ตัวหรือหมดสติ หรือกินกรด ด่าง น้ำมันก๊าด ทินเนอร์ หรือสารพิษไม่ทราบชนิด

2. ถ้ามีผงถ่านกัมมันต์ (activated charcoal) ให้กินขนาด 1 กรัม/กก. โดยผสมน้ำ 1/2-1 แก้ว เพื่อลดการดูดซึมสารพิษเข้าร่างกาย (ไม่ต้องทำถ้าผู้ป่วยกินกรด ด่าง น้ำมันก๊าด ทินเนอร์)

ถ้าไม่มีผงถ่านกัมมันต์ ให้กินไข่ดิบ 5-10 ฟอง หรือดื่มนมหรือน้ำ 4-5 แก้ว

3. สำหรับผู้ป่วยที่กินพาราควอต ให้กินสารละลายดินเหนียว (Fuller’s earth) โดยผสมผงดินเหนียว 150 กรัม หรือ 2 1/2 กระป๋อง ในน้ำ 1 ลิตร ถ้าไม่มีให้ดื่มน้ำโคลนดินเหนียวจากท้องร่องในสวน (ที่ไม่มีตะปูหรือเศษแก้ว หรือสารพิษตกค้าง) ซึ่งจะลดพิษของยานี้ได้

4. สำหรับผู้ที่กินปลาปักเป้า แมงดาถ้วย ปลาทะเลพิษ หอยทะเลพิษ เห็ดพิษ ให้ดื่มโซเดียมไบคาร์บอเนตขนาด 2-5% จำนวน 50 มล. (อาจเตรียมโดยผสมผงฟู 1-2.5 กรัม ในน้ำ 50 มล.) ซึ่งจะช่วยลดพิษของอาหารพิษได้

ห้ามทำ ข้อ 2-4 ถ้าผู้ป่วยชัก ไม่ค่อยรู้ตัวหรือหมดสติ

5. ถ้าผู้ป่วยมีภาวะขาดน้ำ ให้ดื่มสารละลายน้ำตาลเกลือแร่ หรือให้น้ำเกลือทางหลอดเลือดดำ

6. ถ้าผู้ป่วยชักหรือหมดสติ ให้ทำการปฐมพยาบาลเช่นเดียวกับผู้ป่วยชัก (อ่านใน "โรคลมชัก" เพิ่มเติม) หรือหมดสติ (อ่านใน "อาการหมดสติ" เพิ่มเติม)

7. รีบพาผู้ป่วยไปโรงพยาบาล ควรนำสารพิษที่ผู้ป่วยกินหรืออาเจียนออกมาไปให้แพทย์ตรวจวิเคราะห์ด้วย


การป้องกัน

1. หลีกเลี่ยงการกินคางคกทุกชนิด ไม่ว่าจะปรุงหรือเตรียมให้สุกด้วยวิธีใด ๆ ก็ตาม

2. หลีกเลี่ยงการกินยาจีนหรือยาแผนโบราณที่มีส่วนประกอบของคางคกผสม


ข้อแนะนำ

การรับพิษคางคกส่วนใหญ่เกิดจากการกินคางคกด้วยความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ แต่มีรายงานว่าในสหรัฐอเมริกามีผู้ที่ป่วยด้วยพิษคางคกจากการกินยาจีนที่ทำจากหนังคางคก (เชื่อว่าเป็นยาบำรุงทางเพศ)* ดังนั้นจึงควรมีความระมัดระวังในการใช้ยาแผนโบราณเป็นอย่างยิ่ง

4
ข้อเสนอแนะก่อนใช้ บริการรถรับจ้างจังหวัดชุมพร

ในปัจจุบันที่การใช้ บริการรถรับจ้าง มีบทบาทสำคัญในชีวิตประจำวันของคนมากมาย การเลือกบริการรถรับจ้างที่เหมาะสมเป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยให้การเดินทางของคุณราบรื่นและปลอดภัยมากขึ้น บทความนี้จะช่วยให้คุณเตรียมตัวในการใช้ บริการรถรับจ้างจังหวัดชุมพร อย่างแน่นอน และนี่คือข้อเสนอแนะที่คุณควรพิจารณารถกระบะรับจ้างขนของ

การเตรียมตัวก่อนการใช้บริการรถรับจ้าง

เมื่อคุณพร้อมที่จะใช้ บริการรถรับจ้างจังหวัดชุมพร การเตรียมตัวจะเป็นขั้นตอนสำคัญที่จะช่วยให้การเดินทางของคุณเป็นไปอย่างราบรื่นและปลอดภัยมากขึ้น ในส่วนนี้ เราจะขยายข้อความเพิ่มเติมเกี่ยวกับขั้นตอนการเตรียมตัวก่อนการใช้บริการรถรับจ้าง

    วัตถุประสงค์ของการใช้บริการรถรับจ้าง ก่อนที่คุณจะตัดสินใจใช้บริการรถรับจ้าง ควรหาคำถามว่าคุณต้องการบริการนี้เพื่ออะไร เช่น การเดินทางไปที่ทำงานหรือการเดินทางกับครอบครัว การรู้เหมาะสมของวัตถุประสงค์จะช่วยคุณในการเลือกบริการที่เหมาะสมมากขึ้น
    การวางแผนการใช้บริการ ขนส่ง หลังจากที่คุณกำหนดวัตถประสงค์ คุณควรวางแผนการใช้บริการรถรับจ้างล่วงหน้า การจัดการเวลาและเส้นทางที่คุณจะเดินทางจะช่วยลดปัญหาในระหว่างการเดินทาง อย่างแน่นอนควรทำการเตรียมตัวอย่างดีก่อนการใช้บริการรถรับจ้าง เพื่อให้ทราบว่าการเดินทางของคุณจะเป็นไปอย่างราบรื่นและปลอดภัยมากขึ้น

   
ข้อเสนอแนะเรื่องการเลือกบริการรถรับจ้างชุมพร

คุณสมบัติของบริการที่ดี การเลือก บริการรถรับจ้าง ที่เหมาะสมคือสิ่งสำคัญในการทำให้การเดินทางของคุณราบรื่นและปลอดภัยมากขึ้น มีคุณสมบัติหลายอย่างที่ควรพิจารณา

    ความเชื่อถือได้ คุณควรเลือกบริการที่มีความเชื่อถือได้ การรู้เรื่องความพึงพอใจของผู้ใช้ก่อนหน้าและคำแนะนำจากเพื่อนและครอบครัวอาจช่วยคุณในการตัดสินใจ
    ราคาที่เหมาะสม ราคาเป็นปัจจัยสำคัญในการเลือกบริการรถรับจ้าง ควรเปรียบเทียบราคาระหว่างบริการต่าง ๆ และเลือกตามงบประมาณของคุณ
    ความปลอดภัย การปลอดภัยขณะใช้บริการรถรับจ้างเป็นสิ่งสำคัญ คุณควรสอบถามเรื่องการประกันภัยและการตรวจสอบความปลอดภัยของรถและคนขับขนส่ง เพื่อให้คุณมั่นใจในความปลอดภัยของการเดินทางของคุณ การเลือกบริการที่ครอบคลุมการประกันภัยและมีความรับผิดชอบต่อความปลอดภัยของผู้โดยสารเป็นสิ่งสำคัญเพื่อรับประกันว่าการเดินทางของคุณจะเป็นไปอย่างปลอดภัยและปราศจากปัญหา

   
การตรวจสอบบริการรถรับจ้างก่อนการใช้งาน

การตรวจสอบรถและคนขับ ก่อนที่คุณจะนั่งรถรับจ้าง ควรตรวจสอบสภาพของรถและความเป็นมืออาชีพของคนขับ เราแนะนำให้คุณ

    ตรวจสอบสภาพของเครื่องยนต์ เช่น การทำงานของเครื่องยนต์และระบบระบายความร้อน
    ตรวจสอบสภาพของรถยนต์ เช่น การทำงานของเบรกและล้อ
    ตรวจสอบความสะอาดและความสะอาดภายในรถรถรับจ้างขนของ

   
การแชร์ข้อมูลการเดินทาง

การแชร์ข้อมูลเกี่ยวกับการเดินทางกับคนที่คุณรักทำให้เพื่อนและครอบครัวรู้ถึงตำแหน่งของคุณในเวลาจริง นี้เป็นวิธีที่ดีในการรักษาความปลอดภัยของคุณ คุณสามารถแบ่งปันข้อมูลเหล่านี้ผ่านแอปพลิเคชันการแชร์ตำแหน่งหรือการส่งข้อความเมื่อคุณออกจากสถานที่และเมื่อคุณเลิกใช้บริการ


การติดตามพิกัด GPS

การใช้การติดตามพิกัด GPS ช่วยให้คุณและครอบครัวรู้ว่าคุณอยู่ที่ไหนในขณะใช้ บริการรถรับจ้าง นี้ช่วยให้คุณและครอบครัวมีความมั่นใจในความปลอดภัยของการเดินทางของคุณและสามารถตอบสนองต่อสถานการณ์ที่ไม่คาดคิดได้อย่างรวดเร็ว

การรักษาความปลอดภัยขณะใช้บริการรถรับจ้างเป็นสิ่งสำคัญ เราหวังว่าข้อเสนอแนะเหล่านี้จะช่วยให้คุณมีการเดินทางที่ปลอดภัยและเพลิดเพลิน เพราะความปลอดภัยของคุณคือสิ่งสำคัญที่สุดในการใช้บริการรถรับจ้าง

   
วิธีการจัดการข้อข้องใจและความเร่งด่วน

การจัดการเรื่องเวลา การวางแผนการเดินทางล่วงหน้าเป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพในการจัดการเรื่องเวลา การวางแผนล่วงหน้าช่วยให้คุณมีเวลาเตรียมตัวอย่างเหมาะสมและลดความเร่งด่วนในการเดินทาง ควร

    กำหนดเวลาออกเดินทางล่วงหน้า
    ตรวจสอบสถานการณ์การจราจรล่วงหน้า
    กำหนดเวลาเพิ่มเติมสำหรับอุบัติเหตุหรือปัญหาที่ไม่คาดคิด

การระมัดระวังเรื่องการจราจร เรื่องการจราจรเป็นปัจจัยที่สำคัญในความปลอดภัยขณะเดินทาง ควรระมัดระวังเรื่องการจราจรขณะเดินทางเพื่อความปลอดภัย คำแนะนำที่สามารถช่วยให้คุณระมัดระวังเรื่องการจราจรได้

    ตรวจสอบสถานการณ์การจราจรในพื้นที่ที่คุณจะเดินทาง
    ประสงค์เส้นทางทางเลือกเพื่อหลีกเลี่ยงการจราจรหนาแน่นหรืออุบัติเหตุ
    ควบคุมความเร่งด่วนและระยะห่างกับรถอื่นเพื่อความปลอดภัยขณะขับรถ

การระมัดระวังเรื่องการจราจรช่วยลดความเร่งด่วนและทำให้คุณมีการเดินทางที่ปลอดภัยและสะดวกสบายมากขึ้น คำแนะนำเหล่านี้จะช่วยให้การเดินทางของคุณเป็นประสบการณ์ที่น้อยคลายและปลอดภัยมากขึ้น

   
การวางแผนในการเลือกบริการรถรับจ้างในอนาคต

ควรคำนึงถึงความคุ้มค่าของ บริการรถรับจ้างจังหวัดชุมพร และการรักษาความคุ้มค่าในการใช้บริการ คุณควรพิจารณาความคุ้มค่าที่คุณจะได้รับจากบริการเทียบกับราคาที่คุณจะจ่าย การวางแผนให้คุณมีการใช้บริการที่เหมาะสมและคุ้มค่าสำหรับความต้องการของคุณในอนาคต


การรับข้อเสนอแนะ

เป็นผู้เชี่ยวชาญในการบริการรถรับจ้างชุมพร ถ้าคุณมีคำถามหรือต้องการข้อเสนอแนะเพิ่มเติมเกี่ยวกับการใช้บริการรถรับจ้างจังหวัดชุมพร คุณสามารถติดต่อเราเพื่อข้อมูลเพิ่มเติม พวกเรายินดีที่จะช่วยเสมอ

   
สรุปและแนวทางการใช้บริการรถรับจ้างอย่างฉลาดจังหวัดชุมพร

การเลือก บริการรถรับจ้าง ที่เหมาะสมคือสิ่งสำคัญในการทำให้การเดินทางของคุณราบรื่นและปลอดภัยมากขึ้น คำแนะนำเหล่านี้จะช่วยคุณเลือกบริการที่ดีที่สุดจังหวัดชุมพรและรักษาความปลอดภัยในการใช้บริการรถรับจ้างอย่างฉลาด

5
จัดฟันบางนา: การจัดฟันแบบใส ช่วยให้ผู้เข้ารับการรักษา เข้าพบทันตแพทย์น้อยลง

การจัดฟันแบบใส เป็นการรักษาทางทันตกรรมอย่างหนึ่งที่มีผู้คนจำนวนไม่น้อยให้ความสนใจ เนื่องจากการรักษาด้วยการจัดฟันแบบใสนั้น สามารถช่วยแก้ไขปัญหาฟันได้อย่างมีประสิทธิภาพ สำหรับปัญหาฟันในหลายกรณีที่มักพบเจอได้บ่อย ตัวอย่างเช่น ฟันซ้อน ฟันห่าง ฟันเก ฟันที่มีการสบกันผิดปกติ ซึ่งทำให้ส่งผลต่อการใช้ชีวิตประจำวันโดยเฉพาะในเรื่องของบุคลิกภาพและการรับประทานอาหาร เพราะถ้าหากเรามีฟันที่ซ้อนกันก็อาจทำให้เราบดเคี้ยวอาหารได้ลำบากยิ่งขึ้น ส่งผลทำให้เราอาจจะมีปัญหาเกี่ยวกับสุขภาพเช่น อาการปวดท้อง เนื่องจากการที่เราบดเคี้ยวอาหารได้ไม่ละเอียด อาจจะส่งผลต่อระบบทางเดินอาหารได้

เพราะฉะนั้น การเข้ารับการจัดฟันจึงสามารถแก้ไขปัญหาฟันได้แทบทุกกรณี ช่วยให้เราสามารถใช้ชีวิตประจำวันได้อย่างเต็มที่ นอกจากนี้ เครื่องมือการจัดฟันแบบใสยังมีจุดเด่นนั่นก็คือ สามารถถอดเข้าออกได้อย่างง่ายดาย ทำให้ผู้เข้ารับการจัดฟันมีความสะดวกมากยิ่งขึ้น เพราะปัญหาหลักๆของผู้ที่เข้ารับการจัดฟันส่วนใหญ่ก็อาจจะมีอุปสรรคในเรื่องของเครื่องมือที่ติดตั้งอยู่ภายในช่องปาก ทำให้สามารถรับประทานอาหารได้ยากขึ้น ทำให้ออกเสียงไม่ชัด รวมไปถึงในเรื่องของการทำความสะอาดช่องปากและฟันอาจจะทำได้ไม่สะอาดเท่าที่ควร การจัดฟันแบบใสจะช่วยลดปัญหาดังกล่าวทำให้ผู้เข้ารับการจัดฟันใช้ชีวิตได้ตามปกติ

แต่อย่างไรก็ตามการจัดฟันแบบใสก็เหมือนกับการจัดฟันด้วยวิธีอื่นๆ แต่จะมีจุดเด่นในเรื่องของเครื่องมือและความสะดวกสบาย การดูแลรักษา รวมไปถึงผู้เข้ารับการรักษาไม่ต้องเข้าพบทันตแพทย์บ่อยครั้งเหมือนกับการจัดฟันแบบทั่วไปซึ่ง วันนี้เราจะมาพูดถึงการเข้าพบทันตแพทย์ของผู้ที่เข้ารับการจัดฟันแบบใสว่าเข้าพบทันตแพทย์น้อยกว่าผู้ที่เข้ารับการจัดฟันแบบทั่วไปจริงหรือไม่ วันนี้เราจะมาไขข้อสงสัยให้กับหลายคนที่อาจจะไม่มีเวลาเข้าพบทันตแพทย์เพื่อเป็นแนวทางประกอบการตัดสินใจที่จะเข้ารับการจัดฟันแบบใส

ซึ่งการเข้ารับการจัดฟันแบบใสนั้น ผู้เข้ารับการรักษาไม่ต้องเข้าพบทันตแพทย์บ่อยครั้ง ซึ่งนี่ถือว่าเป็นข้อดีอีกข้อที่ช่วยให้ผู้เข้ารับการรักษาไม่ต้องกังวลในเรื่องของเวลาที่ต้องเข้าพบทันตแพทย์ เพราะการรักษาด้วยการจัดฟันแบบ โดยปกติแล้วพบแพทย์น้อยกว่าการจัดฟันบางประเภทอยู่แล้ว แต่ผู้เข้ารับการรักษาจะต้องเข้าพบทันตแพทย์ประมาณทุก 6-8 สัปดาห์เพื่อดูความคืบหน้าของการจัดฟันและรับเครื่องมือจัดฟันชุดต่อไป

ซึ่งเครื่องมือการจัดฟันแบบใสแต่ละชุดนั้น ก็ความแตกต่างกัน เพราะในการเคลื่อนที่บางอย่างอาจต้องมีส่วนนูนเพื่อช่วยให้อุปกรณ์จัดฟันยึดเกาะกับฟัน ก็ขึ้นอยู่กับว่า
ผู้เข้ารับการจัดฟันสวมใส่เครื่องมือเป็นประจำหรือไม่ อย่างไรก็ตาม ในเรื่องของการจัดฟันแบบใสนั้น ถึงแม้จะมีเรื่องของเทคโนโลยีเข้ามาช่วยในการรักษาที่จะทำให้ผลการรักษามีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น แต่ก็ต้องอาศัยความร่วมมือกับผู้เข้ารับการจัดฟัน ที่จะต้องสวมใส่เครื่องมือการจัดฟันเป็นประจำ และปฏิบัติตัวตามคำแนะนำของทันตแพทย์อย่างเคร่งครัด ที่สำคัญที่สุดก็คือ ต้องรักษาความสะอาดของเครื่องมือ และหลีกเลี่ยงการสวมใส่เครื่องมือขณะรับประทานอาหาร เพราะอาจจะทำให้เครื่องมือการจัดฟันนั้นเสียหายได้นั่นเอง


สำหรับการจัดฟันแบบใส จะเริ่มแสดงผลลัพธ์ให้เห็นใน 2-3 เดือน หลังจากที่เริ่มรักษา โดยระยะเวลาของการรักษาทั้งหมดจะขึ้นอยู่กับความต้องการของผู้เข้ารับการรักษาและการประเมินของทันตแพทย์ด้วย รวมไปถึงความร่วมมือของผู้เข้ารับการจัดฟัน แต่ส่วนใหญ่การรักษาเฉลี่ยสำหรับผู้ใหญ่จะอยู่ที่ประมาณ 12 -18 เดือน สำหรับวัยรุ่น ระยะเวลาการรักษาอาจแตกต่างกันไปตามแต่ลักษณะของฟันด้วย อย่างไรก็ตาม หากใครสนใจเข้ารับการจัดฟันแบบใส สามารถติดต่อขอรับคำแนะนำได้ที่คลินิก ทางเรามีทันตแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญพร้อมทั้งยังได้ขั้นสูงสุดของ invisalign จึงทำให้คุณมั่นใจได้ว่า คุณจะมีฟันที่เรียงตัวกันอย่างสวยงามเป็นธรรมชาติอย่างแน่นอน

6
รถรับจ้างขนของเขตกรุงเทพ พร้อมคนยกฟรี กระบะ หกล้อ สิบล้อ รับจ้างย้ายบ้าน หอ ทุกชนิด

บริการ รถรับจ้างขนของเขตกรุงเทพ และปริมณฑล มาอย่างยาวนานด้วย รถ6ล้อรับจ้างเขตกรุงเทพ รถรับจ้างทั่วไปเขตกรุงเทพ รถกระบะรับจ้างเขตกรุงเทพ รถรับจ้างขนย้ายบ้านเขตกรุงเทพ รถรับจ้างย้ายหอเขตกรุงเทพ รถ10ล้อรับจ้างขนย้ายเขตกรุงเทพ รถเฮียบรับจ้างเขตกรุงเทพ รถเครนรับจ้าง รถเทรลเลอร์รับจ้างเขตกรุงเทพ เป็นต้น เจ้าของขับเองนะครับ จึงมันใจได้เลยว่า งานบริการแต่ละงานจะต้องระมัดระวัง ปลอดภัย ไม่มีสินค้าเสียหายอย่างแน่นอน เรามีนโยบายงาน รถรับจ้าง ของเราว่า ลูกค้าต้องมาอันดับ 1 ดังนั้น หากลูกค้าท่านใดสนใจ บริการรถรับจ้างขนย้าย ของทางเรา สามารถติดต่อโทรหาเราได้

บริการตลอด 24 ชม. ราคาถูกและเป็นกันเอง

พื้นที่ให้บริการในเขตกรุงเทพและปริมณฑล ได้แก่

รถรับจ้างขนของเขตพระนคร

รถรับจ้างขนของเขตบางกอกใหญ่

รถรับจ้างขนของเขตดุสิต

รถรับจ้างขนของเขตหนองจอก

รถรับจ้างขนของเขตบางรัก

รถรับจ้างขนของเขตสัมพันธวงศ์

รถรับจ้างขนของเขตธนบุรี

รถรับจ้างขนของเขตบึงกุ่ม

รถรับจ้างขนของเขตบางกอกน้อย

รถรับจ้างขนของเขตพญาไทย

รถรับจ้างขนของเขตห้วยขวาง

รถรับจ้างขนของเขตคลองสาน

รถรับจ้างขนของเขตตลิ่งชัน

รถรับจ้างขนของเขตบางขุนเทียน

รถรับจ้างขนของเขตภาษีเจริญ

รถรับจ้างขนของเขตราษฎร์บูรณะ

รถรับจ้างขนของเขตดินแดง

รถรับจ้างขนของเขตสวนหลวง

รถรับจ้างขนของเขตหนองแขม

รถรับจ้างขนของเขตสาธร

รถรับจ้างขนของเขตบางซื่อ

รถรับจ้างขนของเขตจตุจักร

รถรับจ้างขนของเขตบางพลัด

รถรับจ้างขนของเขตบางคอแหลม

รถรับจ้างขนของเขตประเวศ

รถรับจ้างขนของเขตลาดพร้าว

รถรับจ้างขนของเขตปทุมวัน

รถรับจ้างขนของเขตคลองเตย

รถรับจ้างขนของเขตจอมทอง

รถรับจ้างขนของเขตดอนเมือง

รถรับจ้างขนของเขตราชเทวี

รถรับจ้างขนของเขตวัฒนา

รถรับจ้างขนของเขตบางแค

รถรับจ้างขนของเขตหลักสี่

รถรับจ้างขนของเขตบางนา

รถรับจ้างขนของเขตสายไหม

รถรับจ้างขนของเขตคันนายาว

รถรับจ้างขนของเขตสะพานสูง

รถรับจ้างขนของเขตบางเขน

รถรับจ้างขนของเขตบางกะปิ

รถรับจ้างขนของเขตป้อมปราบศัตรูพ่าย

รถรับจ้างขนของเขตพระโขนง

รถรับจ้างขนของเขตมีนบุรี

รถรับจ้างขนของเขตลาดกระบัง

รถรับจ้างขนของเขตยานนาวา

รถรับจ้างขนของเขตวังทองหลาง

รถรับจ้างขนของเขตคลองสามวา

รถรับจ้างขนของเขตทวีวัฒนา

รถรับจ้างขนของเขตทุ่งครุ

รถรับจ้างขนของเขตบางบอน               

7
บริการทำความสะอาด: อุปกรณ์ทำความสะอาดที่ทุกบ้านต้องมี พร้อมวิธีใช้อย่างถูกต้อง

อุปกรณ์ทำความสะอาดพื้นฐานที่ทุกบ้านควรมีจะช่วยให้คุณทำงานได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพมากขึ้นค่ะ การรู้จักเลือกใช้อุปกรณ์ให้ถูกกับงานยังช่วยประหยัดแรงและถนอมพื้นผิวในบ้านด้วย

อุปกรณ์ทำความสะอาดที่ทุกบ้านต้องมี พร้อมวิธีใช้

อุปกรณ์                                                         หน้าที่หลัก                                    วิธีใช้อย่างถูกต้องและเคล็ดลับ

1. เครื่องดูดฝุ่น (Vacuum Cleaner)   ดูดฝุ่น พรม และพื้นแข็ง กำจัดขนสัตว์และไรฝุ่น   ใช้หัวดูดที่เหมาะสมกับพื้นผิว (หัวแปรง สำหรับพรม, หัวแบน สำหรับพื้นแข็ง) และใช้หัวดูดขนาดเล็กทำความสะอาด ซอกมุม โซฟา หรือ ม่าน ควรดูดฝุ่นอย่างน้อยสัปดาห์ละ 1-2 ครั้ง

2. ไม้ถูพื้น (Mop) และถังปั่น   ทำความสะอาดพื้นผิวแข็ง เช่น กระเบื้อง หินอ่อน หรือไม้   ควรบิดผ้า/ม็อบให้ หมาดที่สุด ก่อนถูพื้นไม้หรือพื้นลามิเนต เพื่อป้องกันความชื้นทำลายพื้นผิว ถูพื้นตามลำดับจากด้านในสุดของห้องออกมายังประตู

3. ไม้ปัดฝุ่น/ผ้าไมโครไฟเบอร์ (Microfiber Cloths)   ดักจับฝุ่นบนพื้นผิวเรียบ เช่น โต๊ะ ชั้นวางของ ทีวี และเช็ดกระจก   ใช้ผ้าไมโครไฟเบอร์ ชุบน้ำหมาด ๆ เพื่อให้จับฝุ่นได้ดีที่สุด โดยปัดจากบนลงล่าง และพับผ้าเป็นสี่ส่วนเพื่อใช้ทุกด้านให้คุ้มค่าก่อนซัก

4. แปรงขัดและน้ำยาฆ่าเชื้อในห้องน้ำ   ขจัดคราบสบู่ คราบน้ำ และฆ่าเชื้อในสุขภัณฑ์   ฉีดน้ำยาฆ่าเชื้อทิ้งไว้ 5-10 นาทีเพื่อให้สารเคมีออกฤทธิ์ก่อนขัด (ไม่ต้องออกแรงขัดมาก) ใช้แปรงเฉพาะสำหรับโถส้วม และใช้ฟองน้ำ/แปรงอื่นสำหรับอ่างล้างหน้า

5. น้ำยาทำความสะอาดอเนกประสงค์ (All-Purpose Cleaner)   ทำความสะอาดคราบทั่วไปบนพื้นผิวที่หลากหลาย   ฉีดสเปรย์ลงบนผ้าก่อนเช็ด ไม่ควรฉีดลงบนพื้นผิวโดยตรง (โดยเฉพาะไม้หรืออิเล็กทรอนิกส์) เพื่อควบคุมปริมาณน้ำยา

6. เบกกิ้งโซดา (Baking Soda) และน้ำส้มสายชู (Vinegar)   สารทำความสะอาดธรรมชาติ กำจัดกลิ่นและคราบฝังแน่น   ใช้ เบกกิ้งโซดา โรยบนพรมหรือฟูกเพื่อดูดซับกลิ่นก่อนดูดฝุ่น น้ำส้มสายชู ผสมน้ำเป็นน้ำยาเช็ดกระจก หรือล้างคราบตะกรันในกาน้ำร้อน

7. ยางปาดน้ำ/ที่เช็ดกระจก (Squeegee)   กำจัดน้ำและคราบน้ำบนกระจกหรือผนังในห้องน้ำ   ใช้ปาดน้ำออกจากกระจกและผนังห้องอาบน้ำ ทันทีหลังอาบน้ำเสร็จ เพื่อป้องกันคราบสบู่และคราบน้ำเกาะ ทำให้ไม่ต้องมาขัดทำความสะอาดหนักในภายหลัง


เคล็ดลับการจัดเก็บอุปกรณ์

เพื่อประหยัดเวลาและพลังงาน ควรจัดเก็บอุปกรณ์ทำความสะอาดพื้นฐานใส่ใน ตระกร้าหิ้ว (Caddy) หนึ่งใบ แล้วนำติดตัวไปทุกห้องที่คุณทำความสะอาด วิธีนี้ช่วยให้คุณไม่ต้องเดินกลับไปหยิบอุปกรณ์ซ้ำ ๆ ค่ะ

8
หมอประจำบ้าน: ท้องเดิน/อุจจาระร่วง (Diarrhea/Gastroenteritis)

ท้องเดิน (ท้องร่วง ท้องเสีย อุจจาระร่วง) หมายถึง ภาวะที่ผู้ป่วยมีอาการถ่ายเป็นน้ำหรือถ่ายเหลวมากกว่าวันละ 3 ครั้ง หรือถ่ายเป็นมูกหรือมูกปนเลือดเพียงครั้งเดียว

ในทารกที่กินนมมารดา ปกติอาจถ่ายอุจจาระเหลว ๆ บ่อยครั้งได้ ไม่ถือว่าเป็นอาการของท้องเดิน แต่ถ้าถ่ายเป็นน้ำจำนวนมากและบ่อยครั้งกว่าที่เคยเป็น ก็ถือว่าผิดปกติ

ท้องเดินเป็นอาการที่พบได้บ่อย และมีสาเหตุได้หลายประการ ส่วนใหญ่อาการจะไม่รุนแรง และมักหายได้เอง ส่วนน้อยอาจมีอาการรุนแรงทำให้มีภาวะขาดน้ำและเกลือแร่ เป็นอันตรายถึงเสียชีวิตได้ โดยเฉพาะในเด็กเล็กและผู้สูงอายุ

นอกจากอาการถ่ายเป็นน้ำ ถ่ายเหลว หรือถ่ายมีมูกเลือดปนแล้ว อาจมีอาการไข้ ปวดท้อง อาเจียนร่วมด้วย ซึ่งสุดแล้วแต่สาเหตุที่เป็น (ตรวจอาการ ท้องเดิน และ ท้องเดินเรื้อรัง)

สาเหตุ

1. ถ้าเป็นท้องเดินชนิดเฉียบพลัน อาจเกิดจาก

    การติดเชื้อ ซึ่งพบได้บ่อยกว่าสาเหตุอื่น อาจเกิดจากเชื้อไวรัส (เช่น ไวรัสโรตา ไวรัสโคโรนา ไวรัสอะดีโน) เชื้อแบคทีเรีย (เช่น ชิเกลลา ไทฟอยด์ อหิวาต์) โปรโตซัว (เช่น อะมีบา ไกอาร์เดีย มาลาเรีย) หนอนพยาธิ (เช่น พยาธิแส้ม้า ทริคิเนลลาสไปราลิส)
    สารพิษจากเชื้อโรค โดยการกินพิษของเชื้อโรคที่ปะปนอยู่ในอาหาร ซึ่งมักจะพบว่า ในกลุ่มคนที่กินอาหารด้วยกันมีอาการพร้อมกันหลายคน (ดู "โรคอาหารเป็นพิษ" เพิ่มเติม)
    สารเคมี เช่น ตะกั่ว สารหนู ไนเทรต ยาฆ่าแมลง เป็นต้น มักทำให้มีอาการอาเจียน ปวดท้องรุนแรง และชักร่วมด้วย
    ยา เช่น ยาถ่าย ยาลดกรด ยาปฏิชีวนะ ยารักษาโรคเกาต์ (เช่น คอลชิซิน) เป็นต้น

ในกรณีที่เกิดจากการใช้ยาปฏิชีวนะ สาเหตุที่ชักนำให้เกิดอาการท้องเดินคือ ยาปฏิชีวนะเข้าไปทำลายจุลินทรีย์ที่อยู่เป็นปกติวิสัยหรือประจำถิ่น (normal flora) บางชนิดในลำไส้ใหญ่ ทำให้เชื้อแบคทีเรียที่มีชื่อว่า Clostridium difficile ที่แฝงเร้นอยู่มีการเจริญเติบโตจนเกิดการอักเสบของลำไส้ใหญ่ ภาวะนี้พบบ่อยในผู้ที่ใช้ยาคลินดาไมซิน (clindamycin) ลินโคไมซิน (lincomycin) กลุ่มเพนิซิลลิน และเซฟาโลสปอริน นอกจากนี้ก็อาจพบในการใช้ยาอีริโทรไมซิน กลุ่มเตตราไซคลีน กลุ่มซัลฟา และกลุ่มควิโนโลน

อาการมักเกิดหลังการใช้ยาประมาณ 1-10 วัน (บางรายภายใน 6 สัปดาห์) ถ้าเป็นไม่รุนแรงจะมีอาการถ่ายเหลวบ่อย ในรายที่เป็นรุนแรงจะมีอาการถ่ายเป็นมูกและมีเลือดออก มีไข้ ปวดท้อง เกิดภาวะขาดน้ำ ความดันต่ำ หรือลำไส้ใหญ่ทะลุ เป็นอันตรายร้ายแรงได้ เรียกภาวะรุนแรงนี้ว่า Pseudomembranous colitis

    สัตว์พิษ (เช่น ปลาปักเป้า ปลาทะเล หอยทะเล คางคก) พืชพิษ (เช่น เห็ดพิษ กลอย)

2.  ถ้าเป็นเรื้อรัง (ถ่ายนานเกิน 3 สัปดาห์ หรือเป็น ๆ หาย ๆ บ่อย) อาจเกิดจาก

    โรคลำไส้แปรปรวน มักทำให้มีอาการเป็น ๆ หาย ๆ เป็นแรมเดือนแรมปี โดยที่ร่างกายแข็งแรงดี
    การติดเชื้อ เช่น บิดอะมีบา ไกอาร์เดีย วัณโรคลำไส้ พยาธิแส้ม้า เอดส์ เป็นต้น
    โรคต่อมไร้ท่อ เช่น เบาหวาน ภาวะต่อมไทรอยด์ทำงานเกิน
    ภาวะพร่องแล็กเทส ซึ่งเป็นเอนไซม์ย่อยน้ำตาลแล็กโทสในนม จึงทำให้เกิดอาการท้องเดินหลังดื่มนม
    โรคลำไส้อักเสบเรื้อรัง (Inflammatory bowel disease/IBD)                   
    การแพ้อาหาร เช่น นมวัว ไข่ ปลา กุ้ง หอย ปู ถั่วลิสง เป็นต้น ซึ่งพบได้ในคนทุกวัย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเด็กเล็ก (ดู "การแพ้อาหาร" ที่หัวข้อสาเหตุ ใน "โรคลมพิษ" เพิ่มเติม)
    การดูดซึมผิดปกติ (malabsorption) เป็นภาวะที่ลำไส้ไม่สามารถดูดซึมสารอาหารได้ตามปกติ อาจเกิดจากการขาดเอนไซม์ย่อยอาหาร หรือความผิดปกติของลำไส้เล็ก ซึ่งเป็นผลมาจากสาเหตุต่าง ๆ เช่น โรคตับอ่อนอักเสบเรื้อรัง มะเร็งตับอ่อน ภาวะทางเดินน้ำดีอุดกั้น การผ่าตัดกระเพาะอาหาร ลำไส้เล็ก หรือถุงน้ำดี การติดเชื้อของลำไส้ (ที่พบบ่อยคือ ท้องเดินจากเชื้อไกอาร์เดีย) เป็นต้น ทำให้เกิดอาการท้องเดินเรื้อรัง ถ่ายอุจจาระเหลวมีสีเหลืองอ่อน เป็นฟองลักษณะเป็นมันลอยน้ำ และมีกลิ่นเหม็นจัด (เนื่องจากไขมันไม่ถูกดูดซึม) ผู้ป่วยมักมีอาการน้ำหนักลด และอาจมีอาการของการขาดสารอาหาร เช่น ซีด บวม เป็นต้น
    เนื้องอกหรือมะเร็งของลำไส้หรือตับอ่อน
    ยา เช่น กินยาถ่ายหรือยาต้านกรดเป็นประจำก็ทำให้มีอาการท้องเดินเรื้อรังได้
    อื่น ๆ เช่น ลำไส้ใหญ่อักเสบ (colitis) จากการฝังแร่รักษามะเร็งปากมดลูก (ถ่ายเป็นมูกเลือดเรื้อรัง) ความเครียด การกระตุ้นหรือการไม่ย่อยของอาหาร (เช่น พริก กาแฟ แอลกอฮอล์ น้ำผลไม้)


อาการ

ขึ้นกับสาเหตุที่เป็น โดยทั่วไปจะมีอาการปวดท้อง ถ่ายเป็นน้ำหรือถ่ายเหลวบ่อยครั้ง บางรายอาจมีไข้ หรือคลื่นไส้ อาเจียนร่วมด้วย หรืออาจถ่ายเป็นมูก หรือมูกปนเลือด


ภาวะแทรกซ้อน

ในผู้ป่วยท้องเดินชนิดเฉียบพลัน ภาวะแทรกซ้อนที่สำคัญคือ ภาวะขาดน้ำและเกลือแร่ ซึ่งอาจทำให้เกิดภาวะช็อก ภาวะเลือดเป็นกรด ภาวะโพแทสเซียมในเลือดต่ำ ภาวะโซเดียมในเลือดต่ำ เป็นอันตรายถึงเสียชีวิตได้ ความรุนแรงของโรคขึ้นกับขนาดของภาวะขาดน้ำเป็นสำคัญ

ภาวะขาดน้ำ สามารถแบ่งออกเป็น 3 ขนาด ได้แก่

1. ภาวะขาดน้ำเล็กน้อย (mild dehydration) น้ำหนักตัวลดประมาณร้อยละ 5 ผู้ป่วยเริ่มรู้สึกกระหายน้ำ และอ่อนเพลียเล็กน้อย แต่อาการทั่วไปดี หน้าตาแจ่มใส เดินได้ ชีพจรและความดันเลือดอยู่ในเกณฑ์ปกติ

2. ภาวะขาดน้ำปานกลาง (moderate dehydration) น้ำหนักตัวลดประมาณร้อยละ 5-10 ผู้ป่วยจะรู้สึกเพลียมาก เดินแทบไม่ไหว แต่ยังนั่งได้ และยังรู้สึกตัวดี เริ่มมีอาการตาโบ๋ (ตาลึก) ปากแห้ง ผิวหนังเหี่ยวและขาดความยืดหยุ่น ชีพจรเบาเร็ว ความดันต่ำ

ในทารกนอกจากอาการดังกล่าวแล้ว ยังพบว่ากระหม่อมบุ๋ม และท่าทางเซื่องซึม ไม่วิ่งเล่นเหมือนปกติ

3. ภาวะขาดน้ำรุนแรง (severe dehydration) น้ำหนักตัวลดมากกว่าร้อยละ 10 ผู้ป่วยมีอาการอ่อนเพลียมาก ลุกนั่งไม่ได้ต้องนอน ไม่ค่อยรู้สึกตัวหรือช็อก (กระสับกระส่าย ตัวเย็น มือเท้าเย็นชืด ชีพจรเบาเร็ว ความดันต่ำมาก ปัสสาวะออกน้อยหรือไม่ออกเลย) และมีอาการตาโบ๋มาก ผิวหนังเหี่ยวมาก ริมฝีปากและลิ้นแห้งผาก หายใจเร็วและลึก

ในทารกนอกจากอาการดังกล่าวแล้ว ยังพบว่ากระหม่อมบุ๋มมาก แน่นิ่ง และตัวอ่อนปวกเปียก

ในผู้ป่วยท้องเดินชนิดเรื้อรัง ลำไส้อาจดูดซึมอาหารไม่ได้ ทำให้น้ำหนักลด ขาดสารอาหาร ซีดได้

ภาวะขาดน้ำในเด็กเล็ก


การวินิจฉัย

แพทย์จะวินิจฉัยจากอาการ ประวัติการเจ็บป่วย และการตรวจร่างกายเป็นหลัก ซึ่งในรายที่เป็นรุนแรงมักตรวจพบภาวะขาดน้ำ (ดูเพิ่มเติมในหัวข้อ "ภาวะแทรกซ้อน" ด้านบน) ชีพจรเร็ว ความดันโลหิตต่ำ บางรายอาจมีภาวะช็อก ในรายที่มีอาการเล็กน้อยมักตรวจไม่พบสิ่งผิดปกติชัดเจน นอกจากบางรายอาจพบว่ามีไข้

ในกรณีที่จำเป็น แพทย์อาจทำการตรวจพิเศษเพิ่มเติม เช่น การตรวจเลือด ตรวจอุจจาระ เพื่อค้นหาสาเหตุ

ในรายที่มีอาการท้องเดินเรื้อรังที่สงสัยว่าอาจมีความผิดปกติของทางเดินอาหาร แพทย์จะทำการตรวจหาสาเหตุ เช่น ใช้กล้องส่องตรวจกระเพาะอาหาร/ลำไส้ใหญ่ ตรวจเลือด ตรวจอุจจาระ ตรวจอัลตราซาวนด์ เอกซเรย์ ถ่ายภาพด้วยแม่เหล็กไฟฟ้า/เอกซเรย์คอมพิวเตอร์ เป็นต้น

การรักษาโดยแพทย์

แพทย์จะให้การดูแลรักษาดังนี้

1. ในรายที่เป็นท้องเดินชนิดเฉียบพลัน

(1) ให้ผู้ป่วยงดอาหารแข็ง อาหารรสจัด และอาหารที่มีกากใย (เช่น ผัก ผลไม้) ให้กินอาหารอ่อน หรืออาหารเหลว เช่น ข้าวต้ม โจ๊ก น้ำข้าว น้ำหวานแทน ในทารกให้ดื่มนมมารดาตามปกติ ถ้าดื่มนมผงในระยะ 2-4 ชั่วโมงแรก ให้ผสมนมเจือจางลงเท่าตัวแล้วค่อยให้ดื่มนมผสมตามปกติ

(2) ให้น้ำเกลือ

(2.1) ผู้ป่วยยังกินได้ ไม่อาเจียน หรืออาเจียนเพียงเล็กน้อย ให้กินสารละลายน้ำตาลเกลือแร่ โดยผสมผงน้ำตาลเกลือแร่ขององค์การเภสัชกรรมกับน้ำสุกดื่มต่างน้ำบ่อย ๆ ครั้งละ ½-1 ถ้วย (250 มล.) หรือจะใช้น้ำเกลือผสมเองก็ได้ โดยใช้น้ำสุก 1 ขวดน้ำปลาใหญ่ (หรือขนาดประมาณ 750 มล.) ผสมกับน้ำตาลทราย 2 ช้อนโต๊ะ (25-30 กรัม) และเกลือป่น ½ ช้อนชา (1.7 กรัม) หรือจะใช้น้ำอัดลมหรือน้ำข้าวต้มใส่เกลือ (ใส่เกลือ ½ ช้อนชาในน้ำอัดลมหรือน้ำข้าว 1 ขวดน้ำปลาใหญ่) ก็ได้

ในเด็กเล็ก ในช่วง 4 ชั่วโมงแรกให้สารละลายน้ำตาลเกลือแร่ในปริมาณ 50 มล./กก. (สำหรับภาวะขาดน้ำเล็กน้อย) และ 100 มล./กก. (สำหรับภาวะขาดน้ำเห็นได้ชัด)

(2.2) ผู้ป่วยที่มีอาการอาเจียน ถ้ามีอาการเล็กน้อย และยังพอดื่มน้ำเกลือหรือน้ำข้าวต้มได้ ให้คอยสังเกตว่าได้รับน้ำเข้าไปมากกว่าส่วนที่อาเจียนออกมาหรือไม่ ถ้าอาเจียนออกมามากกว่าส่วนที่ดื่มเข้าไป หรือมีอาการอาเจียนมาก แพทย์จะให้น้ำเกลือทางหลอดเลือดดำแทน

(3) ยาแก้ท้องเดิน ไม่มีประโยชน์ในการรักษาอาการท้องเดิน และถ้าใช้ผิด ๆ อาจเกิดโทษได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเด็กเล็ก และผู้ป่วยที่มีสาเหตุจากโรคติดเชื้อ 

(4) ยาปฏิชีวนะ ส่วนใหญ่ไม่ต้องให้ ควรให้เฉพาะรายที่ตรวจพบว่าเป็นบิด อหิวาต์ หรือไทฟอยด์เท่านั้น

(5) ถ้าทราบสาเหตุของท้องเดิน ให้รักษาตามสาเหตุ

(6) ถ้าตรวจพบว่าเป็นโควิด-19 ให้การดูแลรักษาโรคโควิด-19

(7) ติดตามดูการเปลี่ยนแปลงของโรค ถ้าถ่ายรุนแรง ปวดท้องรุนแรง อาเจียนรุนแรง มีภาวะขาดน้ำรุนแรง หรือช็อก อย่างใดอย่างหนึ่ง ก็จะให้น้ำเกลือทางหลอดเลือดดำ แล้วรีบส่งไปรักษาที่โรงพยาบาลโดยเร็ว

อาการที่แสดงว่าผู้ป่วยดีขึ้น ได้แก่

    ถ่ายและอาเจียนน้อยลง
    ภาวะขาดน้ำลดน้อยลง
    ปัสสาวะออกมากขึ้น
    น้ำหนักตัวเพิ่มขึ้น
    หน้าตาแจ่มใส ลุกนั่งหรือเดินได้ เด็กเล็กเริ่มวิ่งเล่นได้

2. ในรายที่เป็นท้องเดินชนิดเรื้อรัง ถ้ามีอาการอ่อนเพลีย เบื่ออาหาร น้ำหนักลด ซีด มีไข้เรื้อรัง หรือถ่ายเป็นมูกหรือมูกปนเลือด หลังเข้านอนกลางคืนต้องตื่นขึ้นถ่ายท้องตอนดึก หรือมีอาการอุจจาระราด (กลั้นไม่อยู่) ก็จะส่งปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพื่อทำการตรวจหาสาเหตุ และให้รักษาตามสาเหตุที่พบ

ผลการรักษา ขึ้นกับสาเหตุและความรุนแรงของโรค ส่วนใหญ่มักหายเป็นปกติและไม่มีภาวะแทรกซ้อน ในรายที่เป็นเรื้อรัง การรักษามักช่วยให้ควบคุมอาการได้เป็นส่วนใหญ่ ยกเว้นในรายที่มีสาเหตุร้ายแรง (เช่น มะเร็งทางเดินอาหาร ลำไส้อักเสบเรื้อรัง) ก็อาจเพียงช่วยบรรเทาอาการและชะลอภาวะแทรกซ้อน ช่วยให้มีคุณภาพชีวิตที่ดี


การดูแลตนเอง

หากมีอาการถ่ายเป็นน้ำหรือถ่ายเหลวบ่อยครั้ง ควรดูแลตนเองดังนี้

1. กินอาหารที่ย่อยง่าย (เช่น ข้าวต้ม โจ๊ก) รสไม่เผ็ดและไม่มันจัด งดผักและผลไม้

สำหรับทารก ให้ดื่มนมแม่ได้ตามปกติ ถ้าดื่มนมผงในระยะ 2-4 ชั่วโมงแรก ให้ผสมนมเจือจางลงเท่าตัว

2. ให้ดื่มสารละลายน้ำตาลเกลือแร่ ครั้งละ ½ -1 ถ้วย (250 มล.) บ่อย ๆ จนสังเกตเห็นมีปัสสาวะออกมากและใส จึงค่อยเว้นระยะห่างขึ้น

3. ถ้ามีไข้สูง ให้ยาลดไข้-พาราเซตามอล*

4. ควรปรึกษาแพทย์ ถ้ามีลักษณะข้อใดข้อหนึ่ง ดังต่อไปนี้

    ถ่ายเป็นมูกหรือมูกปนเลือด หรืออุจจาระมีกลิ่นเหม็นจัด
    ถ่ายรุนแรง อาเจียนมาก ปวดท้องรุนแรง หรือดื่มสารละลายน้ำตาลเกลือแร่ได้น้อย (สังเกตพบปัสสาวะออกน้อย และมีสีเข้มอยู่เรื่อย ๆ)
    มีภาวะขาดน้ำค่อนข้างรุนแรง สังเกตพบมีอาการปากแห้ง คอแห้ง ลิ้นเป็นฝ้าหนา ตาโบ๋ ปัสสาวะออกน้อย
    มีอาการอ่อนเพลีย หน้ามืด เวียนศีรษะ ใจหวิวใจสั่น ชีพจรเต้นเร็ว

สำหรับทารก มีท่าทางซึม ไม่ร่าเริง กระหม่อมบุ๋ม

    มีไข้เกิน 3-4 วัน หรือมีอาการหนาวสั่นร่วมด้วย
    กล้ามเนื้อแขนขาอ่อนแรง ปวดเมื่อยตามกล้ามเนื้อมาก หนังตาตก หรือพูดอ้อแอ้
    มีประวัติกินปลาปักเป้า แมงดาถ้วย คางคก เห็ด (ที่สงสัยว่าเป็นเห็ดพิษ) หรือสงสัยว่าเกิดจากการกินสารพิษ
    มีประวัติสัมผัสใกล้ชิดกับผู้ป่วยอหิวาต์
    ดูแลตนเอง 24 ชั่วโมงแล้วไม่ทุเลา
    หลังกินยา มีลมพิษ ผื่นคัน ตุ่มพุพอง ตาบวม ปากบวม คลื่นไส้ อาเจียน หรือมีอาการผิดปกติอื่น ๆ
    มีความวิตกกังวล หรือไม่มั่นใจที่จะดูแลตนเอง 

*เพื่อความปลอดภัย ควรขอคำแนะนำวิธีและขนาดยาที่ใช้ ผลข้างเคียงของยา และข้อควรระวังในการใช้ยา จากแพทย์หรือเภสัชกรก่อนใช้ยาเสมอ โดยเฉพาะการใช้ยาในเด็ก สตรีที่ตั้งครรภ์หรือให้นมบุตร ผู้สูงอายุ และผู้มีโรคประจำตัวหรือมีการใช้ยาบางชนิดที่แพทย์สั่งใช้อยู่เป็นประจำ


การป้องกัน

สำหรับท้องเดินจากการติดเชื้อ สามารถป้องกันได้ด้วยการปฏิบัติตัวดังนี้

1. กินอาหารสุกและไม่มีแมลงวันตอม ดื่มน้ำต้มสุกหรือน้ำสะอาด (ไม่ดื่มน้ำคลองหรือน้ำบ่อแบบดิบ ๆ ไม่กินน้ำแข็งที่เตรียมไม่สะอาด)

2. ล้างมือด้วยน้ำกับสบู่ก่อนเตรียมอาหาร ก่อนเปิบข้าว และหลังถ่ายอุจจาระหรือเปลี่ยนผ้าอ้อมเด็กทุกครั้ง

3. ถ่ายอุจจาระลงในส้วมที่มิดชิด เพื่อป้องกันการแพร่เชื้อ

4. สำหรับทารก

    ควรเลี้ยงทารกด้วยนมมารดา
    ถ้าใช้ขวดนมเลี้ยงทารก ควรต้มขวดในน้ำเดือดนานอย่างน้อย 15-20 นาที เพื่อฆ่าเชื้อโรคเสียก่อน
    ควรฉีดวัคซีนป้องกันโรคพื้นฐานต่าง ๆ ตามกำหนดเวลา และให้อาหารเสริมแก่ทารกเพื่อให้สุขภาพแข็งแรงและไม่เป็นโรคขาดสารอาหาร


ข้อแนะนำ

1. ท้องเดินชนิดเฉียบพลัน ถ้าพบในเด็กเล็กและผู้สูงอายุอาจมีอันตรายถึงตายได้ ถ้าให้การรักษาขั้นต้นแล้วอาการไม่ดีขึ้น ควรส่งโรงพยาบาล

2. อันตรายที่เกิดจากโรคนี้ คือการสูญเสียน้ำและเกลือแร่ จึงควรแนะนำให้ประชาชนทั่วไปรู้จักใช้ผงน้ำตาลเกลือแร่ น้ำเกลือผสมเอง น้ำอัดลมหรือน้ำข้าวต้มใส่เกลือ ดื่มกินทันทีที่มีอาการท้องเดิน จะช่วยป้องกันมิให้อาการรุนแรงได้ สิ่งนี้นับเป็น "ยาแก้ท้องเดิน" ที่จำเป็นที่สุด

3. ในเด็กเล็ก อาการท้องเดินมีความสัมพันธ์กับโรคขาดอาหารอย่างมาก กล่าวคือ ท้องเดินบ่อยอาจทำให้ขาดอาหาร และโรคขาดอาหารอาจทำให้ท้องเดินบ่อย จึงควรรักษาทั้ง 2 โรคนี้อย่างจริงจัง

4. ควรอธิบายให้ชาวบ้านเข้าใจถึงสาเหตุของโรคท้องเดินในเด็กเล็กว่าไม่ได้เกี่ยวกับการยืดตัวของเด็กดังที่เข้าใจกันทั่วไป แต่เกิดจากการติดเชื้อซึ่งสามารถป้องกันได้

9
“สร้างเงินแสนจากครัวที่บ้าน” สไตล์ครูแมกซ์

จุดเริ่มต้นเพียงแค่ไม่มีใจรักการเป็นลูกน้อง และไม่ชอบการทำงานในองค์กร บวกกับมีความตั้งใจที่ว่า อยากฝึกทักษะการทำอาหารไว้ทำให้คุณพ่อคุณแม่ทานตอนท่านแก่
พร้อมกับคำพูดของคุณแม่ที่ชอบบอกว่า “การขายของมันได้จับเงินทุกวัน” นั่นคือจุดตัดสินใจ

ครูแมกซ์
จุดเริ่มต้นง่ายๆก็เริ่มจากการเรียนรู้จากคุณแม่ของครูแมกซ์เอง ท่านเป็นคนทำอาหารไทยอร่อย และเคยเปิดร้านอาหารมาก่อนตอนครูแมกซ์เด็กๆ
โดยใช้การถาม สังเกตอย่างละเอียด และฝึกชิมรสชาติของอาหารที่แท้จริง (เพราะคุณแม่ไม่เคยชั่งตวงวัดแม่บอกชิมให้เป็นไม่ต้องมาถามสูตร555)
ร่วมกับการเรียนรู้ผ่านสื่อออนไลน์ เช่น ยูทูป ดูทุกวันตลอดระยะเวลา 8-10ปี พร้อมกับการซื้อวัตถุดิบมาลงมือทำจริง ชิมจริง ทำให้คคุณแม่ทานจริง

ครูแมกซ์
จนถึงจุดที่มั่นใจแล้วว่า…จะทำอาหารเพื่อสร้างรายได้เริ่มง่ายๆจากครัวที่บ้าน
จากประสบการณ์ตลอดระยะเวลา15ปี ที่ครูแมกซ์มีรายได้จากอาหาร ไม่ว่าจะเป็นการยืนขายสลัดริมถนนหน้าตึกชาญอิสะ2 เปิดรับออเดอร์ลุกค้าในหมู่บ้าน การพรีออเดอร์ผ่านทางโซเชียลมีเดีย หรือแม้กระทั่งการออกบูทตามห้างดังต่างๆ

ทั้งหมดนี้ผ่านการทำจริง ได้ผลลัพธ์จริงมาทั้งหมดแล้วด้วยตัวครูแมกซ์เองคนเดียว (แบบไม่เลือกการมีลูกน้อง)

จึงมั่นใจมากว่าจากประสบการณ์ทั้งหมดที่ครูแมกซ์สั่งสมมาตลอดจนถึงวันนี้

ไข่เจียว
ครูแมกซ์ได้พิสูจน์แล้วว่า…การสร้างเงินแสนจากครัวที่บ้าน “มันทำได้จริง”
ครูแมกซ์ก็พร้อมที่จะถ่ายทอดทุกสูตรลัด แบไต๋ทุกเคล็ดลับให้คุณแบบหมดเปลือก!!  !!ความตั้งใจนั้นมันก็ได้เกิด”ผลลัพธ์”กับลูกศิษย์ครูแมกซ์เรียบร้อยแล้ว

📌น้องมิ้นท์ นักเรียนคอร์สไพรเวทจับมือทำรอบสด
ลาออกจากงานประจำเพื่อมาเปิดร้านขายอาหาร หลังจากเรียนกับครูแมกซ์ไปเพียงแค่3วัน น้องได้จับเงินบาทแรกจากอาหารทันที!!
โดยเปิดรับพรีออเดอร์จากอาพาร์ทเมนต์ (โดยมีครูแมกซ์เป็นที่ปรึกษาตลอด1เดือนเต็ม) เริ่มจากเมนูง่ายๆที่ครูแมกซ์เลือกให้เป็นเมนูประจำร้าน คือ “เมนูไข่ฟูหมูฉ่ำนัว”

‼️ล่าสุดเพียงแค่ 2เดือน ยอดขายเดือนกุมภาพันธ์ 68
สรุปได้ยอดขาย 60,000 บาท (ทำด้วยตัวคนเดียว)

📌น้องเติ๊ด นักเรียนคอร์สออนไลน์
เป็นพนักงานประจำหัวหน้าแผนกHR อยากหาอาชีพเสริมเพื่อวางแผนลาออกจากงานประจำ หลังจากเรียนคอร์สครูแมกซ์ภายใน 7 วัน น้องได้จับเงินบาทแรกจากอาหารทันที!!
โดยเปิดรับออเดอร์ที่คอนโด เริ่มจากเมนูง่ายๆที่เรียนจากคอร์สสูตรกะเพรา กับ คอร์ส10เมนูไข่ทำง่ายรายได้ปัง เมนูประจำร้าน คือ “เมนูข้าวไข่เจียว ไข่ข้น”
‼️ล่าสุดเพียงแค่ 2เดือน ยอดขายได้มากกว่าเงินเดือนประจำเป็นที่เรียนร้อยแล้ว พร้อมกับยื่นใบลาออก (แต่นายยังไม่อนุมัติ)

สนใจติดต่อสอบถามข้อมูล
ไลน์ ID  :  @krumax
Page FB : https://web.facebook.com/profile.php?id=61569480015186
เว็บไซด์ : https://krumax.net/krumaxcourse/
เบอร์โทร : 081-413-4479


10
มาดู 7 วิธีแต่งบ้านสไตล์มินิมอล และเลือกของตกแต่งบ้าน เฟอร์นิเจอร์ให้เหมาะ

การแต่งบ้านสไตล์มินิมอลเป็นอีกหนึ่งสไตล์ของการตกแต่งบ้านและที่พักอาศัยที่ได้รับความนิยมอย่างไม่แผ่วเลย โดยเฉพาะในกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่อายุน้อย กับการแต่งบ้านแบบน้อยแต่มากแบบมินิมอล (Minimal style) ด้วยจุดเด่นอันแสนหลากหลายทั้งสไตล์แบบเฉพาะตัวพร้อมค่าใช้จ่ายที่ไม่แรงเกินไป ไม่แปลกที่การแต่งบ้านสไตล์มินิมอลจะมาแรง วันนี้จะพาทุกคนไปทำความรู้จักกับการแต่งบ้านแบบมินิมอลว่ามันเป็นยังไงกันแน่ และเผื่อว่าใครที่อยากแต่งบ้านสไตล์นี้ดูบ้าง เราก็ไม่พลาดที่จะนำเทคนิคการเลือกเฟอร์นิเจอร์และตกแต่งห้องหรือบ้านของคุณให้ออกมาในสไตล์มินิมอลแบบที่ไม่เคยเป็นมาก่อน รับรองว่าการจัดบ้านสไตล์มินิมอลจะทำให้ดูน่าอยู่มากขึ้นแน่นอน!

แต่งบ้านสไตล์มินิมอล (Minimal Style) หมายถึงอะไร

“ใช้สีโมโนโทน”

“การจัดวางเป็นดูเรียบร้อย”

“เฟอร์นิเจอร์น้อยชิ้น”

“เรียบง่ายแต่ดูดี”

“น้อยแต่มาก”

เมื่อพูดถึงการตกแต่งบ้านสไตล์มินิมอลแล้ว ประโยคข้างบนนี้คงเป็นประโยคที่ทุกคนน่าจะเคยได้ยินได้เห็นผ่านตามาไม่มากก็น้อย ‘Minimal Style’ สไตล์การตกแต่งที่อยู่อาศัยที่ได้รับความนิยมมาสักพักแล้วนี้ หมายถึง สไตล์การตกแต่งที่เน้นความเรียบง่าย ใช้เฟอร์นิเจอร์น้อยชิ้น แต่มีประโยชน์ใช้สอย เลือกสิ่งตกแต่งและเฟอร์นิเจอร์ตามจำเป็น มีการจัดวางอย่างมีระเบียบเรียบร้อย

ฟังดูเหมือนง่ายใช่ไหมคะ? ก็แค่ไม่ต้องซื้อเฟอร์นิเจอร์เยอะ เอาเฉพาะที่จำเป็น แล้วก็ซื้อสีเดียวกันมาอยู่ด้วยกันก็พอ แต่จริงๆ การตกแต่งบ้านสไตล์นี้ไม่ได้ทำกันง่ายขนาดนั้น ตอนเลือกเฟอร์นิเจอร์ต้องคิดแล้วคิดอีกว่าจะแต่งยังไงให้สวย อบอุ่นน่าอยู่ แล้วดูมินิมอลด้วย ต้องบาลานซ์การตกแต่งและวางแผนล่วงหน้าไว้หลายสเต็ปทีเดียว

นักตกแต่งภายในหลายคนเคยพูดถึงการตกแต่งบ้านสไตล์มินิมอลไว้ว่า ความมินิมอลต้องมาคู่กับฟังก์ชันที่ครบครัน เรียกได้ว่าน้อยอย่างเดียวไม่พอ แต่เฟอร์นิเจอร์และการตกแต่งจะต้องเอื้อให้สามารถใช้งานในชีวิตจริงได้ด้วย

จุดสำคัญของการแต่งบ้านให้ออกมาเป็นสไตล์มินิมอล

สำหรับผู้ที่สนใจจัดบ้านแบบมินิมอล การทำความเข้าใจเกี่ยวกับจุดสำคัญทั้งเรื่องสีสันบ้านโทนมินิมอล การเลือกเฟอร์นิเจอร์มินิมอล ไปจนถึงไอเดียแต่งห้องมินิมอลจะช่วยให้ผลลัพธ์ออกมาน่าพึงพอใจ สวยงามดังที่คาดหวังเอาไว้

• มีโทนสีแบบโมโนโทนหรือเรียกว่า Monochromatic และมักจะใช้สีอ่อนๆ

• ในการออกแบบจะต้องออกแบบให้มีการนำเส้นสายตาที่ตรงและคม

• การคัดสรรเฟอร์นิเจอร์ที่ทำมาใช้งานจะน้อยชิ้น แต่การใช้งานต้องครบครัน

• การจัดพื้นที่ในห้องให้ดูมีที่ว่างเยอะ และดูกว้างขวาง

• พื้นผิวในจุดต่างๆ ทั่วห้องต้องดูมีที่ว่าง โล่ง และสะอาดตา ของตกแต่งน้อยชิ้น

• ของน้อย ตกแต่งเรียบง่าย แต่ต้องดูน่าอยู่ อบอุ่น และไม่ทิ้งความมีสไตล์

• เน้นที่คุณภาพของเฟอร์นิเจอร์และของตกแต่งมากกว่าปริมาณสิ่งของ

การตกแต่งสไตล์มินิมอลเหมาะกับใคร

การตกแต่งมินิมอลฟังดูยากมากสำหรับยุคสมัยนี้ที่เต็มไปด้วยการช็อปปิ้งออนไลน์ ซื้อสิ่งของต่างๆ เข้าบ้านกันง่ายดายจนแทบไม่มีที่เก็บ เห็นอะไรก็น่าซื้อน่าลองไปหมด การแต่งบ้านสไตล์มินิมอลนั้นไม่ได้จบที่การตกแต่ง แต่จะต้องปรับพฤติกรรมการซื้อของใช้เข้าบ้านให้มินิมอลตามไปด้วย ซื้อแต่ที่จำเป็นจริงๆ เท่านั้น

อาจเรียกได้ว่า มินิมอลนั้นเป็นมากกว่าแค่การแต่งบ้าน แต่เป็นแนวคิดที่มาคู่กับการสร้างไลฟ์สไตล์และการอยู่อาศัย ข้อดีที่สำคัญที่สุดคือช่วยให้เราสามารถโฟกัสกับสิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับเรา ช่วยให้ใส่ใจคุณภาพให้มากกว่าปริมาณ (และประหยัดในระยะยาว)

การตกแต่งสไตล์มินิมอลเหมาะกับใครก็ได้ทั้งนั้น แต่มักจะถูกมองว่าเป็นที่นิยมในหนุ่มสาวคนรุ่นใหม่ที่นิยมความเรียบง่ายแต่เก๋และมีสไตล์

ต่อไปเราไปดูกันดีกว่าว่าวิธีการตกแต่งบ้านของคุณให้เป็นสไตล์นี้ต้องทำยังไง มีทิปส์หลายอย่างตั้งแต่เทคนิคการเลือกเฟอร์นิเจอร์ การเลือกใช้สี และการจัดการพื้นที่ใช้สอย มาดูกัน!

ทริคแต่งบ้านและเลือกเฟอร์นิเจอร์สไตล์มินิมอล (Minimal style)

เพื่อให้การตกแต่งบ้านสไตล์มินิมอลเกิดความสวยงาม น่าประทับใจ ได้ผลลัพธ์ตามความต้องการสำหรับเจ้าของบ้าน ลองมาศึกษาทริคการแต่งบ้านไปจนถึงการเลือกซื้อเฟอร์นิเจอร์สไตล์มินิมอลเลยว่าต้องทำอย่างไรบ้าง ตอบโจทย์ตามสิ่งที่คาดหวังเอาไว้อย่างแน่นอน

1. เริ่มจากการเลือกเฟอร์นิเจอร์ที่ใช่ก่อน

สิ่งสำคัญที่สุดในการตกแต่งบ้านไม่ว่าจะสไตล์ใดก็ตามคือ การเลือกเฟอร์นิเจอร์ ยิ่งการเลือกเฟอร์นิเจอร์สำหรับการแต่งบ้านสไตล์มินิมอล การเลือกเฟอร์นิเจอร์ยิ่งต้องพิถีพิถัน หลักการเลือกเฟอร์นิเจอร์มีอยู่ว่า

• เลือกเฟอร์นิเจอร์ที่ดูเรียบง่าย พื้นผิวไม่เน้นลวดลาย

• ดีไซน์มีความสวยงาม ไม่ตกยุคง่าย ดูมีคุณภาพ และคงทน

• สีอ่อนหรือเข้มก็ได้ แต่ให้ไปในโทนสีเดียวกันตลอด

• เลือกเฉพาะสิ่งที่มีประโยชน์และมีความจำเป็นต่อการดำรงชีวิตประจำวันจริงๆ เฟอร์นิเจอร์ชิ้นไหนที่คิดว่าเราอยู่ได้โดยไม่ต้องซื้อมันมาก็ให้ตัดออก

• การออกแบบมีลักษณะและรูปเป็นเส้นตรงและคม ไม่มีลวดลาย

ราวแขวนผ้าทำจากไม้สัก เรียบง่ายดูดี สามารถเลือกสีได้ (อ่านรายละเอียดสินค้า)

2. พื้นที่บนชั้นวางของไม่รก เน้นโล่งสบายตา

พื้นที่ต่างๆ ที่มองเห็นในไม่ว่าจะเป็นบนโต๊ะ บนชั้นวางของ หรือเป็นพื้น จะต้องมีพื้นที่เหลือให้มากหน่อย วางตกแต่งหรือวางเฉพาะของที่จำเป็นเท่านั้น ไม่ควรมีของวางอัดแน่นเต็มพื้นที่ แม้จะเรียงด้วยความเป็นระเบียบก็จะแค่ดูเป็นระเบียบ แต่ก็ยังผิดไปจากหลักความมินิมอลที่เน้นความโล่งสบายตา อย่างที่บอกว่าของที่เก็บก็ควรเป็นของใช้ที่จำเป็นต้องใช้ทุกวันจริงๆ เน้นประโยชน์ใช้สอย ของสะสมเอย ของดูต่างหน้าเอย ให้เก็บเข้ากล่องในห้องเก็บของไว้จะดีกว่า ยิ่งถ้าเป็นไอเดียแต่งห้องนอนมินิมอลด้วยแล้ว การมีพื้นที่สะอาด ดูไม่รกตา จะช่วยเพิ่มความโล่งสบาย ไม่อึดอัดอีกด้วย

3. ควรเลือกใช้สีอ่อน หรือสีโมโนโทน

สีที่เลือกใช้ไม่ว่าจะกับเฟอร์นิเจอร์หรือผนังห้อง ควรเลือกใช้สีที่ดูกลาง ๆ และดูคลาสสิค เช่น สีขาว สีเบจ สีเทา หรือสีที่ดูธรรมชาติเอิร์ธโทนอย่างสีน้ำตาล ที่มีให้เลือกอยู่หลายเฉด แต่อย่าลืมว่าต้องคุมโทนให้เป็นโทนเดียวกันตลอด ไม่เอามายำรวมกันไปเรื่อย ให้เลือกสีหลัก แล้วเพิ่มมิติด้วยการตกแต่งด้วยสีอื่นเข้าไปแทน แบบนี้จะทำให้บ้านดูเป็นธรรมชาติไปในทิศทางเดียวกัน ไม่เกิดความสับสนของโทนสี ไม่รู้สึกขัดหูขัดตา สร้างความน่าอยู่อาศัยมากขึ้นกว่าเดิม

4. น้อยแต่โก้ แต่ฟังก์ชันก็ต้องมา

ไม่ใช่แค่สำหรับการแต่งบ้านในสไตล์มินิมอลนะคะ ไม่ว่าจะสไตล์ไหน ในการเลือกเฟอร์นิเจอร์นั้นต้องพิจารณาถึงฟังก์ชันและการใช้งานควบคู่กันไปกับความสวยงามของเฟอร์นิเจอร์ด้วย แต่ก็ไม่ต้องยึดติดมากไปว่าจะต้องใช้งานได้หลากหลายวัตถุประสงค์ ต้องเป็นเฟอร์นิเจอร์ไซน์สุดล้ำ หัวใจสำคัญก็อย่างทำเราย้ำตลอดเลยคืออยู่ที่การเลือกเฟอร์นิเจอร์ที่ได้ใช้งานจริง และเป็นเฟอร์นิเจอร์ที่ถูกออกมาแบบมาอย่างคำนึงถึงผู้ใช้ และพื้นที่การใช้สอย ไม่กินที่โดนใช่เหตุ ไม่หวือหวาลวดลายเยอะ มีความเป็นโมเดิร์นเรียบๆ นี่คือเสน่ห์ที่จะช่วยเสริมความมินิมอลของบ้านคุณให้เปล่งประกายยิ่งกว่าเคย คำว่าน้อยแต่มากไม่ใช่แค่ทำพูดเก๋ ๆ แต่ต้องแสดงให้เห็นถึงการเข้าใจความเป็นมินิมอลอย่างแท้จริง

5. เลือกไฟและของตกแต่งที่ให้ความรู้สึกอบอุ่น

มากกว่าที่จะบอกว่าเป็นการเลือกไฟ ต้องพูดว่าการจัดไฟในห้องดีกว่า เพราะการเน้นความเรียบง่ายอาจทำให้ห้องดูไม่ค่อยมีชีวิตชีวา การจัดแสงให้ห้องดูอบอุ่นนั้นมีความสำคัญ ห้องสไตล์มินิมอลควรมีลักษณะที่สว่างไสว มีแสงแดดลอดเข้ามา หน้าต่างควรเป็นแบบเรียบๆ ผ้าม่านไม่มีลวดลาย

ในส่วนของการตกแต่งควรใช้ของตกแต่งน้อยชิ้น แต่ละชิ้นนอกจากจะตกแต่งแล้ว ควรจะได้ใช้งานจริงด้วย ไม่ใช่เอามาวางทิ้งไว้เฉยๆ ของตกแต่งของห้องสไตล์มินิมอลส่วนใหญ่จะเน้นอะไรก็ตามที่ให้ความรู้สึกอบอุ่น เนื่องจากภาพรวมห้องจะดูเคร่งขรึมอยู่แล้วด้วยการเลือกเฟอร์นิเจอร์ การใช้สีอะไรต่างๆ ที่เน้นเรียบๆ ดีเทลของตกแต่งจริงควรเป็นส่วนที่เพิ่มชีวิตชีวา และความอบอุ่นน่าอยู่

การตกแต่งเพื่อความสวยงามอย่างเดียว ไม่เน้นใช้งานก็ใช้ว่าจะทำไม่ได้ สามารถทำได้ แต่ทำน้อยๆ และเน้นการตกแต่งที่เป็นสีโมโนโทน ไม่ฉูดฉาดละลานตาเกินไป

6. ใช้ Slatted walls เข้ามาช่วยในการตกแต่ง

Slatted walls คือแผ่นไม้ที่มาเรียงต่อๆ กันอาจเป็นบนผนังบ้าน กำแพงบ้าน หรือพื้นผิวของเฟอร์นิเจอร์ก็ได้เช่นกัน นับเป็นลักษณะของการตกแต่งภายในที่เรียบง่ายแต่ดูมีสไตล์เฉพาะตัว คุมโทนได้แบบกำลังพอดี ไม่หวือหวาแต่ก็ไม่ดูธรรมดามากนัก ทำให้ห้องหรือพื้นที่เรียบๆ ดูมีโมเดิร์นขึ้น แต่ไม่ฉูดฉาดหรือยุ่งเหยิงจนเกินไป เป็นอีกความเหนือระดับที่ควรค่ากับการนำมาใช้เป็นแนวทางสำหรับตกแต่งห้องแบบมินิมอล

7. ตกแต่งด้วยสีเขียวของต้นไม้

เป็นที่นิยมอย่างมากกับการปลูกต้นไม้ในบ้าน หากแต่งห้องออกมาดูแล้วเรียบเกินไป อยากจะแต่งห้องด้วยสีเขียวของต้นไม้รับรองว่ายังไงก็ไปกันได้กับสไตล์มินิมอล เพียงแต่ต้องอย่าตกแต่งเยอะเกินไป ต้นไม้ที่เลือกก็ไม่ควรจะฉูดฉาดหรือดูรก อาจจะเป็นต้นกระบองเพชรที่ดูเรียบ ๆ หรือต้นไม้ใบสีเขียวเข้มไม่มีลวดลายหวือหวา ไปจนถึงบรรดาต้นไม้ฟอกอากาศ เช่น ยางอินเดีย ลิ้นมังกร เดหลี เฟิร์นบอสตัน เป็นต้น ซึ่งการมีต้นไม้ในบ้านยังถือเป็นจุดพักสายตาได้อย่างดีหากรู้สึกเหนื่อยล้าจากการทำงาน

จบกันไปแล้วกับ 7 เทคนิคการแต่งบ้านแบบมินิมอล พอจะรู้แนวทางกันแล้วใช่ไหมคะ ว่าหัวใจสำคัญของการแต่งบ้านสไตล์นี้ให้ออกมาเรียบแต่มีสไตล์นั้นต้องทำยังไง รับรองว่าถ้าก้าวสู่ความเป็นมินิมอล นอกจากจะได้ห้องสวยๆ แล้ว ยังทำให้ผ่อนคลาย สบายใจ ไม่ต้องมาเสียสุขภาพจิตกับอะไรที่รกหูรกตาอีกด้วย ถ้าสนใจก็อย่าลืมลองวางแผนดูนะคะว่าต้องซื้ออะไรบ้าง

11
หมอประจำบ้าน: กุ้งยิง (Sty/Stye/Hordeolum)

กุ้งยิง หมายถึง ตุ่มฝีเล็ก ๆ ที่เกิดที่ขอบเปลือกตา ซึ่งอาจพบได้ที่เปลือกตาบนและล่าง แบ่งออกเป็น 2 ชนิด ได้แก่

1. กุ้งยิงชนิดหัวผุด (external hordeolum/sty/stye) เป็นการอักเสบของต่อมเหงื่อ (gland of Moll) บริเวณผิวหนังตรงโคนขนตา จะเป็นหัวฝีผุดให้เห็นชัดเจน ตรงบริเวณขอบตา

2. กุ้งยิงชนิดหลบใน (internal hordeolum) เป็นการอักเสบของต่อมไขมัน (meibomian gland) บริเวณเยื่อบุเปลือกตา (เยื่อเมือกอ่อนสีชมพู มองเห็นเวลาปลิ้นเปลือกตา) หัวฝีจะหลบซ่อนอยู่ด้านในของเปลือกตา

บางครั้งต่อมไขมันบริเวณเยื่อบุเปลือกตาอาจมีการอุดตันของรูเปิดเล็ก ๆ ทำให้มีเนื้อเยื่อรวมตัวอยู่ภายในต่อม กลายเป็นตุ่มนูนแข็ง ไม่เจ็บปวดอะไร เรียกว่า ตาเป็นซิสต์ (chalazion) บางครั้งอาจมีเชื้อแบคทีเรียเข้าไปทำให้เกิดการอักเสบ คล้ายเป็นกุ้งยิงชนิดหัวหลบในได้ เมื่อหายอักเสบ ตุ่มซิสต์ก็ยังคงอยู่เช่นเดิม


สาเหตุ

กุ้งยิงเกิดจากต่อมเหงื่อหรือต่อมไขมันที่โคนขนตามีการอุดตัน และเกิดการติดเชื้อแบคทีเรีย ได้แก่ เชื้อสแตฟีโลค็อกคัส เป็นส่วนใหญ่ จนกลายเป็นตุ่มฝีขึ้นมา มักเริ่มจากการมีฝุ่นหรือเชื้อโรคเข้าตา แล้วใช้มือที่ไม่สะอาดขยี้ตา ทำให้ต่อมที่เปลือกตาอุดตันและอักเสบ

เป็นโรคที่พบได้บ่อยในคนทุกวัย จะพบมากในเด็กอายุ 4-10 ปี

ปัจจัยที่เสริมให้เป็นกุ้งยิงได้ง่าย เช่น

    ไม่รู้จักรักษาความสะอาด เช่น ปล่อยให้ผิวหนัง มือ และเสื้อผ้าสกปรก
    มีความผิดปกติเกี่ยวกับสายตา เช่น สายตาสั้น สายตายาว สายตาเอียง ตาเข เป็นต้น
    สุขภาพทั่วไปไม่ดี เช่น เป็นโรคเรื้อรัง ขาดอาหาร ฟันผุ ไซนัสอักเสบ อดนอน เป็นต้น
    มีภาวะที่ทำให้ติดเชื้อง่าย เช่น เป็นโรคพิษสุราเรื้อรัง เบาหวาน กินยาสเตียรอยด์นาน ๆ เป็นต้น

อาการ

มีอาการปวดที่เปลือกตา มีลักษณะปวดตุบ ๆ เฉพาะที่จุดใดจุดหนึ่ง เวลาก้มศีรษะต่ำกว่าระดับเอว จะปวดมากขึ้น และพบว่าบริเวณนั้นขึ้นเป็นตุ่มแข็ง แตะถูกเจ็บ ต่อมาค่อยๆ นุ่มลง บางครั้งมีหนองนูนเป่ง เห็นเป็นหัวขาว ๆ เหลือง ๆ โดยมากจะขึ้นเพียงตุ่มเดียว อาจเป็นที่เปลือกตาบนหรือล่างก็ได้ น้อยคนอาจเกิดพร้อมกัน 2-3 ตุ่ม บางครั้งอาจมีอาการเปลือกตาบวม หรือมีขี้ตาไหล

ถ้ากุ้งยิงขึ้นที่บริเวณหางตามักจะมีอาการรุนแรงอาจทำให้หนังตาบวมแดงจนตาปิด

ถ้าปล่องทิ้งไว้ 4-5 วันต่อมา ตุ่มฝีมักจะแตกเองแล้วหัวฝีจะยุบลงและหายปวด ถ้าหนองระบายได้หมดก็จะยุบหายไปภายใน 1 สัปดาห์

ผู้ป่วยที่เคยเป็นกุ้งยิงมาครั้งหนึ่งแล้ว อาจจะมีอาการกำเริบเป็น ๆ หาย ๆ อาจเป็นตรงจุดเดิม หรือย้ายที่ หรือสลับข้างไปมาได้


ภาวะแทรกซ้อน

ถ้าเป็นมาก อาจทำให้มีหนังตาอักเสบร่วมด้วย โดยทั่วไปมักจะแตกและยุบหายไปได้เอง โดยไม่มีภาวะแทรกซ้อนแต่อย่างใด นอกจากอาจทำให้เป็นแผลเป็น


การวินิจฉัย

แพทย์จะวินิจฉัยจากอาการและสิ่งตรวจพบ ดังนี้

พบตุ่มฝีขนาดเล็กตรงบริเวณขอบตา ตรงกลางมีลักษณะสีขาว ๆ เหลือง ๆ รอบ ๆ นูนแดงและกดเจ็บ

ในรายที่เป็นกุ้งยิงชนิดหัวหลบใน จะพบตุ่มนูนอยู่ใต้เปลือกตา กดถูกเจ็บ เมื่อปลิ้นเปลือกตา จะเห็นหัวฝีซ่อนอยู่ภายใน

บางรายอาจคลำพบต่อมน้ำเหลืองที่บริเวณหน้าหูโตและเจ็บ


การรักษาโดยแพทย์

แพทย์จะให้การดูแลรักษา ดังนี้

1. เมื่อเริ่มขึ้นเป็นตุ่มฝีใหม่ ๆ ซึ่งเป็นตุ่มแข็ง ยังไม่กลัดหนอง ให้การรักษาดังนี้

    ประคบด้วยน้ำอุ่นจัด ๆ โดยใช้ผ้าสะอาดห่อหุ้มปลายด้ามช้อน แล้วชุบน้ำอุ่นจัด ๆ กดตรงบริเวณหัวฝี และนวดเบาๆ ทำเช่นนี้วันละ 4 ครั้ง ครั้งละ 20-30 นาที หลังประคบทุกครั้ง ให้ใช้ยาป้ายตาหรือหยอดตาที่เข้ายาปฏิชีวนะ
    ถ้าปวด ให้ยาแก้ปวด
    ถ้าหนังตาบวมแดง หรือมีต่อมน้ำเหลืองที่หน้าหูโตร่วมด้วย ให้กินยาปฏิชีวนะ เช่น ไดคล็อกซาซิลลิน หรืออีริโทรไมซิน เป็นเวลา 5-7 วัน

2. ถ้าตุ่มฝีเป่งเห็นหัวหนองชัดเจน ควรสะกิดหรือผ่าระบายหนองออก แล้วให้กินยาปฏิชีวนะ

3. ถ้าเป็น ๆ หาย ๆ บ่อย ซึ่งชวนสงสัยว่าอาจมีภาวะซ่อนเร้นอื่น ๆ เช่น เบาหวาน สายตาผิดปกติ เป็นต้น แพทย์จะทำการตรวจหาสาเหตุให้แน่ชัด


การดูแลตนเอง

หากสงสัย เช่น มีอาการปวดที่เปลือกตา ตุ่มแข็งที่เปลือกตาและแตะถูกเจ็บ ควรปรึกษาแพทย์

เมื่อตรวจพบว่าเป็น ควรดูแลตนเอง ดังนี้

    รักษา กินยา และปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์ 
    ติดตามรักษากับแพทย์ตามนัด


ควรกลับไปพบแพทย์ก่อนนัด ถ้ามีลักษณะข้อใดข้อหนึ่ง ดังต่อไปนี้

    ดูแลรักษาแล้วอาการไม่ทุเลาใน  2-3 วัน 
    มีอาการปวดมากขึ้น ตุ่มโตขึ้น หรือหนังตาบวมแดง
    ขาดยา ยาหาย หรือกินยาไม่ได้
    ในรายที่แพทย์ให้ยากลับไปกินต่อที่บ้าน กินยาแล้วสงสัยเกิดผลข้างเคียงจากยา เช่น มีลมพิษ ผื่นคัน ตุ่มพุพอง ตาบวม ปากบวม ปวดท้อง ท้องเดิน คลื่นไส้ อาเจียน จุดแดงจ้ำเขียว หรือมีอาการผิดปกติอื่น ๆ


การป้องกัน

1.  รักษาสุขภาพทั่วไปให้แข็งแรง รวมทั้งกินอาหารที่มีคุณค่า พักผ่อนให้เพียงพอ อย่าอดนอน ออกกำลังกายเป็นประจำ

2.  รักษาความสะอาดของร่างกายและเสื้อผ้า

3.  หลีกเลี่ยงการถูกฝุ่น ถูกลม แสงแดดจ้า ๆ และควันบุหรี่

4.  หลีกเลี่ยงการใช้มือ หรือผ้าเช็ดหน้าที่ไม่สะอาดเช็ดตา หรือขยี้ตา

5.  แก้ไขความผิดปกติเกี่ยวกับสายตา

6.  ควบคุมโรคเรื้อรัง เช่น เบาหวาน ไซนัสอักเสบ ฟันผุ เป็นต้น


ข้อแนะนำ

1.  ควรรักษากุ้งยิงเมื่อเริ่มขึ้นเป็นตุ่มใหม่ ๆ ด้วยการประคบด้วยน้ำอุ่นจัด ๆ และยาปฏิชีวนะชนิดหยอดหรือป้าย แต่ถ้าปล่อยจนกลัดหนอง การรักษาด้วยวิธีดังกล่าวจะไม่ได้ผล อาจต้องสะกิดหรือผ่าระบายหนองออก

2.  ในกรณีที่ตุ่มฝีแตกหรือหายอักเสบแล้ว แต่ยังคงมีตุ่มแข็งอยู่ต่อไปโดยไม่มีอาการเจ็บปวดแต่อย่างใด อาจเกิดจากตาเป็นซิสต์ (chalazion) ซึ่งส่วนมากจะพบที่เปลือกตาบน เวลาหลับตาจะสังเกตเห็นบริเวณนั้นนูนกว่าปกติ และถ้าคลำดูจะรู้สึกเคลื่อนไปมาได้เล็กน้อย โรคนี้ไม่มีอันตราย อาจเป็นอยู่ 2-3 เดือนแล้วยุบหายไปเอง แต่ถ้าไม่หายอาจต้องผ่าหรือขูดออก

12
จัดฟันบางนา: แบบไหนดีกว่ากัน ! ระหว่างการ จัดฟันแบบใส กับการจัดฟันแบบรวดเร็ว Fastbraces

ในการรักษาทางทันตกรรม เป็นการแก้ไขปัญหาฟันในทุกรูปแบบ ขึ้นอยู่ที่ว่าผู้เข้ารับการรักษามีปัญหาเกี่ยวกับช่องปากอย่างไร ซึ่งแต่ละบุคคลแน่นอนว่า มีปัญหาแตกต่างกันอย่างแน่นอน หลายคนเลิกจะเข้ารับการจัดฟัน เพราะมีปัญหาฟันที่ซ้อนเก อย่างรุนแรงและอยากมีฟันที่เรียงกันสวยงามและเป็นธรรมชาติ แต่บางกรณีก็มีผู้ที่มีปัญหาฟันเพียงเล็กน้อย และเข้ารับการจัดฟันแบบใส

ซึ่งทันตแพทย์อาจจะแนะนำให้จัดฟันในรูปแบบ เพราะการจัดฟันแบบใส เหมาะกับผู้ที่มีปัญหาฟันเพียงเล็กน้อยหรือผู้ที่เคยผ่านการจัดฟันมาแล้ว แต่ไม่ใส่รีเทนเนอร์ จึงทำให้เกิดฟันห่างได้ ซึ่งถึงแม้ผู้ที่เคยจัดฟันมา แต่ใส่รีเทนเนอร์ไม่สม่ำเสมอ ทำให้เกิดปัยหาตามมา แต่อย่างไรก็ตาม หากเข้ารับการจัดฟันแบบใส จะต้องมีวินัยในเรื่องของการสวมใส่เครื่องมืออย่างมาก เพราะไม่อย่างนั้น ก็จะเกิดปัญหาเดิมๆได้

ความแตกต่างระหว่างการจัดฟันแบบใส กับการจัดฟันแบบรวดเร็ว Fastbraces มีข้อแตกต่างอย่างเห็นได้ชัดในเรื่องของเครื่องมือ เครื่องมือการจัดฟันแบบใส สามารถถอดออกได้ และมีความหลากหลายในการรับประทานอาหาร รวมไปถึงสามารถทำความสะอาดช่องปากได้อย่างเต็มที่ ในขณะที่การจัดฟันแบบรวดเร็ว Fastbraces ไม่สามารถถอดเครื่องมือออกได้ และรับประทานอาหารได้ไม่หลากหลาย

แต่การจัดฟันแบบรวดเร็ว มีความเจ็บและระคายเคืองน้อยกว่าการจัดฟันแบบใส รวมไปถึงระยะเวลาในการจัดฟันก็น้อยกว่าการจัดฟันแบบใสด้วย นี่คือข้อแตกต่างที่เห็นได้ชัดว่า ไม่ว่าการจัดฟันแบบไหน ก็มีข้อดีและข้อเสียแตกต่างกันอย่างแน่นอน มีจุดเด่น เอกลักษณ์ คนละแบบ แต่ในเรื่องของระยะเวลาต้องยกให้การจัดฟันแบบรวดเร็ว ซึ่งทำให้เห็นผลได้เร็วกว่า

แต่การจัดฟันนั้น ไม่ว่าจะจัดฟันแบบไหน หรือผู้เข้ารับการรักษามีความต้องการที่จะจัดฟันแบบที่ตัวเองคิดไว้ ก็ต้องทำการปรึกษาทันตแพทย์ผู้ทำการรักษาเสียก่อน เพราะทันตแพทย์จะต้องทำการพิจารณาช่องปากของผู้เข้ารับการรักษาก่อนว่า เหมาะสมที่จะเข้ารับการจัดฟันในรูปแบบใด

เพราะการจัดฟันแบบใส หรือการจัดฟันแบบรวดเร็ว Fastbraces ไม่สามารถทำได้ทุกคน มีข้อจำกัดในเรื่องของการจัดฟันอยู่ ซึ่งทันตแพทย์จะทำการวินิจฉัยเองว่า สภาพฟันและช่องปากของผู้เข้ารับการรักษา เหมาะที่จะจัดฟันแบบใด ทั้งนี้สามารถเข้ารับการประเมินช่องปากได้ฟรี รวมไปถึงสามารถเข้ารับคำแนะนำจากทันตแพทย์ผู้เชี่ยวชาญจากคลีนิคได้ โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย

13
ผลกระทบที่เกิดขึ้นจากเสียงดัง
ในโรงงานอุตสาหกรรม
โรงงานหรือสถานประกอบกิจการที่มีปัญหาด้านเสียงเกินค่ามาตรฐาน อาจสร้างผลกระทบทั้งด้านอาชีวอนามัยและความปลอดภัยในการทำงานต่อพนักงานในโรงงานเอง หรืออาจก่อให้เกิดมลพิษทางเสียงต่อชุมชนและสภาพแวดล้อมที่อยู่ด้านนอกโรงงาน หากเจ้าของแหล่งกำเนิดเสียงหรือผู้เกี่ยวข้องปล่อยปละละเลย ไม่จัดทำโครงการควบคุมเสียงหรือแก้ไขปัญหาดังกล่าวไม่สำเร็จ จะทำให้มีผลกระทบตามมา เช่น

•   เป็นผู้กระทำผิดกฎหมายด้านเสียง มีทั้งโทษปรับและจำคุก
•   ลูกจ้างอาจเกิดภาวะสูญเสียการได้ยินแบบชั่วคราวหรือแบบถาวร
•   ประสิทธิภาพการทำงานของพนักงานลดลงจากเสียงเกินค่ามาตรฐาน
•   ถูกร้องเรียนจากชุมชนหรือผู้ได้รับผลกระทบทางเสียงที่อยู่นอกโรงงาน
•   โรงงานหรือสถานประกอบกิจการอาจถูกสั่งปิดปรับปรุง จนกว่าจะแก้ไขแล้วเสร็จ

ทำไมต้องใช้บริการจาก
“NEWTECH INSULATION” ในการควบคุมเสียง?
ด้วยประสบการณ์กว่า 15 ปี ในการควบคุมเสียงอุตสาหกรรม เรามีความพร้อมทั้งด้านบุคลากรเฉพาะทางที่มีความรู้ด้านเสียงและความสั่นสะเทือน เครื่องมืออันทันสมัยที่ได้มาตรฐานตามที่กฎหมายกำหนด รวมถึงประสบการณ์ด้านการแก้ไขปัญหาเสียงอุตสาหกรรมที่มีทั้งในและต่างประเทศ ผู้ใช้บริการจึงมั่นใจได้ว่าปัญหาด้านเสียงในโรงงานหรือสถานประกอบกิจการจะได้รับการแก้ไขได้อย่างตรงจุด ด้วยค่าใช้จ่ายที่น้อยที่สุด เพราะเราเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการควบคุมเสียงในอุตสาหกรรม
– บริษัทฯ ขึ้นทะเบียนและได้รับใบอนุญาตเป็นนิติบุคคลผู้ให้บริการตรวจวัดและวิเคราะห์สภาวะการทำงานเกี่ยวกับระดับเสียง โดยกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน
– บุคลากรของบริษัทฯ ได้รับใบอนุญาตเป็นผู้ควบคุมมลพิษเสียงและความสั่นสะเทือน จากสภาวิชาชีพวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
– มีทีมงานที่มากประสบการณ์และความรู้ ได้แก่ วิศวกร นักสิ่งแวดล้อมอุตสาหกรรม เจ้าหน้าที่ความปลอดภัยในการทำงาน ช่างเทคนิค รวมไปถึงช่างประกอบและติดตั้งระบบควบคุมเสียง
– มีเครื่องมือที่ได้มาตรฐานไว้ให้บริการทั้งด้านฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์
– มีสินค้าสำหรับควบคุมเสียงและความสั่นสะเทือนให้เลือกหลากหลายรูปแบบ เช่น ผนังกันเสียง ห้องเก็บเสียง ม่านกันเสียง ตู้ครอบลดเสียง แจ็คเก็ตลดเสียง ไซเลนเซอร์ อคูสติคลูเวอร์ อุปกรณ์แยกความสั่นสะเทือน เป็นต้น
– มีการประเมินหรือทำตัวแบบจำลองระดับเสียง ก่อน-หลัง ปรับปรุงให้ลูกค้าใช้เป็นข้อมูลในการตัดสินใจ ช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายและเวลาในการแก้ปัญหาด้านเสียง
– รับประกันระดับเสียงที่ลดลง อยู่ในเกณฑ์ที่กฎหมายกำหนด
– รับประกันคุณภาพสินค้าและฝีมือการติดตั้งทุกงาน

บริษัท นิวเทค อินซูเลชั่น จำกัด
ผู้เชี่ยวชาญด้านการควบคุมเสียงในโรงงานอุตสาหกรรม
จากประสบการณ์ในการแก้ไขปัญหาด้านเสียงมายาวนาน ไม่ว่าจะเป็นเสียงทางอาชีวอนามัยและความปลอดภัยในการทำงาน และเสียงทางสิ่งแวดล้อม
ทางบริษัทฯ ยินดีให้คำแนะนำที่ทำได้จริงสำหรับการแก้ปัญหาด้านมลภาวะทางเสียงที่เกิดขึ้น เพื่อให้ทั้งโรงงาน พนักงาน หรือชุมชนโดยรอบอยู่ร่วมกันได้
“เพราะเรา…เข้าใจเรื่องเสียง”


สนใจสั่งซื้อ
เบอร์โทร:  02-583-8035 , 02-583-8034, 098-995-4650
E-mail: contact@newtechinsulation.com
Line ID: @newtechinsulation
Facebook: newtechthai
Instagram: newtechinsulation
เว็บไซด์: https://www.noisecontrol365.com/


14
“สร้างเงินแสนจากครัวที่บ้าน” สไตล์ครูแมกซ์

จุดเริ่มต้นเพียงแค่ไม่มีใจรักการเป็นลูกน้อง และไม่ชอบการทำงานในองค์กร บวกกับมีความตั้งใจที่ว่า อยากฝึกทักษะการทำอาหารไว้ทำให้คุณพ่อคุณแม่ทานตอนท่านแก่
พร้อมกับคำพูดของคุณแม่ที่ชอบบอกว่า “การขายของมันได้จับเงินทุกวัน” นั่นคือจุดตัดสินใจ

ครูแมกซ์
จุดเริ่มต้นง่ายๆก็เริ่มจากการเรียนรู้จากคุณแม่ของครูแมกซ์เอง ท่านเป็นคนทำอาหารไทยอร่อย และเคยเปิดร้านอาหารมาก่อนตอนครูแมกซ์เด็กๆ
โดยใช้การถาม สังเกตอย่างละเอียด และฝึกชิมรสชาติของอาหารที่แท้จริง (เพราะคุณแม่ไม่เคยชั่งตวงวัดแม่บอกชิมให้เป็นไม่ต้องมาถามสูตร555)
ร่วมกับการเรียนรู้ผ่านสื่อออนไลน์ เช่น ยูทูป ดูทุกวันตลอดระยะเวลา 8-10ปี พร้อมกับการซื้อวัตถุดิบมาลงมือทำจริง ชิมจริง ทำให้คคุณแม่ทานจริง

ครูแมกซ์
จนถึงจุดที่มั่นใจแล้วว่า…จะทำอาหารเพื่อสร้างรายได้เริ่มง่ายๆจากครัวที่บ้าน
จากประสบการณ์ตลอดระยะเวลา15ปี ที่ครูแมกซ์มีรายได้จากอาหาร ไม่ว่าจะเป็นการยืนขายสลัดริมถนนหน้าตึกชาญอิสะ2 เปิดรับออเดอร์ลุกค้าในหมู่บ้าน การพรีออเดอร์ผ่านทางโซเชียลมีเดีย หรือแม้กระทั่งการออกบูทตามห้างดังต่างๆ

ทั้งหมดนี้ผ่านการทำจริง ได้ผลลัพธ์จริงมาทั้งหมดแล้วด้วยตัวครูแมกซ์เองคนเดียว (แบบไม่เลือกการมีลูกน้อง)

จึงมั่นใจมากว่าจากประสบการณ์ทั้งหมดที่ครูแมกซ์สั่งสมมาตลอดจนถึงวันนี้

ไข่เจียว
ครูแมกซ์ได้พิสูจน์แล้วว่า…การสร้างเงินแสนจากครัวที่บ้าน “มันทำได้จริง”
ครูแมกซ์ก็พร้อมที่จะถ่ายทอดทุกสูตรลัด แบไต๋ทุกเคล็ดลับให้คุณแบบหมดเปลือก!!  !!ความตั้งใจนั้นมันก็ได้เกิด”ผลลัพธ์”กับลูกศิษย์ครูแมกซ์เรียบร้อยแล้ว

📌น้องมิ้นท์ นักเรียนคอร์สไพรเวทจับมือทำรอบสด
ลาออกจากงานประจำเพื่อมาเปิดร้านขายอาหาร หลังจากเรียนกับครูแมกซ์ไปเพียงแค่3วัน น้องได้จับเงินบาทแรกจากอาหารทันที!!
โดยเปิดรับพรีออเดอร์จากอาพาร์ทเมนต์ (โดยมีครูแมกซ์เป็นที่ปรึกษาตลอด1เดือนเต็ม) เริ่มจากเมนูง่ายๆที่ครูแมกซ์เลือกให้เป็นเมนูประจำร้าน คือ “เมนูไข่ฟูหมูฉ่ำนัว”

‼️ล่าสุดเพียงแค่ 2เดือน ยอดขายเดือนกุมภาพันธ์ 68
สรุปได้ยอดขาย 60,000 บาท (ทำด้วยตัวคนเดียว)

📌น้องเติ๊ด นักเรียนคอร์สออนไลน์
เป็นพนักงานประจำหัวหน้าแผนกHR อยากหาอาชีพเสริมเพื่อวางแผนลาออกจากงานประจำ หลังจากเรียนคอร์สครูแมกซ์ภายใน 7 วัน น้องได้จับเงินบาทแรกจากอาหารทันที!!
โดยเปิดรับออเดอร์ที่คอนโด เริ่มจากเมนูง่ายๆที่เรียนจากคอร์สสูตรกะเพรา กับ คอร์ส10เมนูไข่ทำง่ายรายได้ปัง เมนูประจำร้าน คือ “เมนูข้าวไข่เจียว ไข่ข้น”
‼️ล่าสุดเพียงแค่ 2เดือน ยอดขายได้มากกว่าเงินเดือนประจำเป็นที่เรียนร้อยแล้ว พร้อมกับยื่นใบลาออก (แต่นายยังไม่อนุมัติ)

สนใจติดต่อสอบถามข้อมูล
ไลน์ ID  :  @krumax
Page FB : https://web.facebook.com/profile.php?id=61569480015186
เว็บไซด์ : https://krumax.net/krumaxcourse/
เบอร์โทร : 081-413-4479


15
สร้างอาชีพ จากการขายข้าวกะเพราเนื้อชิ้นรสเด็ด เผ็ดร้อนถึงใจ ซอสเข้มข้นทำง่ายสไตล์ร้านตามสั่ง

ข้าวกะเพราเนื้อชิ้นเป็นอาหารยอดนิยมของไทย โดยเฉพาะในรูปแบบอาหารริมทางหรือสตรีทฟู้ด ด้วยรสชาติที่จัดจ้านและทำง่าย จึงเป็นเมนูที่ได้รับความนิยมอย่างแพร่หลาย สตรีทฟู้ดของไทยขึ้นชื่อในเรื่องรสชาติที่จัดจ้าน ปรุงได้รวดเร็วและราคาไม่แพง ในบรรดาเมนูยอดนิยมมากมายข้าวเนื้อผัดกะเพราถือเป็นเมนูที่ต้องลองชิมสำหรับคนรักอาหาร

อาหารจานนี้ขึ้นชื่อในเรื่องกลิ่นหอมกะเพรา เนื้อหั่นบาง ๆ และรสเผ็ดร้อนเป็นอาหารหลักในสตรีทฟู้ดของไทย

อะไรที่ทำให้มันพิเศษ?
เนื้อผัดกะเพราเป็นเมนูง่ายๆ แต่รสชาติจัดจ้านที่ถ่ายทอดความเป็นไทยได้เป็นอย่างดี โดยประกอบด้วย:

เนื้อสไลซ์นุ่มผัดจนสุกพอดี
โหระพาหอมกลิ่นเฉพาะตัว
กระเทียมและพริกสำหรับรสชาติเผ็ดและเผ็ดร้อน
ซอสหอยนางรม ซอสถั่วเหลือง น้ำปลาเพิ่มรสชาติล้ำลึก
ไข่ดาวกรอบ (ไม่จำเป็นแต่ขอแนะนำ!)
อาหารจานนี้เสิร์ฟบนข้าวหอมมะลินึ่ง เป็นมื้ออาหารที่รวดเร็วและน่าพอใจที่สามารถรับประทานได้ตลอดเวลา

จะหาซื้อได้ที่ไหน?
เมนูนี้หาซื้อได้ตามแผงขายอาหารริมถนน ตลาดท้องถิ่น และร้านอาหารไทยทั่วไป พ่อค้าแม่ค้าจะปรุงเมนูนี้สดๆ เมื่อลูกค้าสั่ง โดยลูกค้าสามารถเลือกระดับความเผ็ดได้เอง หรือจะเลือกโปรตีนชนิดอื่นๆ เช่น ไก่ หมู หรืออาหารทะเลก็ได้

ทำไมคุณถึงควรลอง
รสชาติไทยแท้ในจานเดียว
รวดเร็วและราคาไม่แพงเหมาะสำหรับมื้อด่วน
ปรับแต่งได้ – เลือกเนื้อสัตว์และระดับเครื่องเทศที่คุณต้องการ
ได้รับความนิยมจากทั้งคนในพื้นที่และนักท่องเที่ยว

ครั้งหน้าที่คุณมาเที่ยวเมืองไทย อย่าพลาดโอกาสที่จะลิ้มลองเนื้อผัดกะเพราพร้อมข้าวสักจานซึ่งเป็นอาหารริมทางคลาสสิกอย่างแท้จริง

หน้า: [1] 2 3 ... 48
ลงประกาศฟรี โฆษณาฟรี ลงประกาศขายบ้านฟรี ลงประกาศขายบ้าน ขายที่ดิน ขายคอนโด ขายรถ สินค้าอุตสาหกรรม อาหารเสริม เครื่องสำอางค์ แนะนำสถานที่ท่องเที่ยว โปรโมทสินค้าฟรี เว็บประกาศฟรี ติดอันดับ Google